
ด้วยการถือกำเนิดของรุ่นย่อยเพิ่มเติมอีก 2 รุ่นเพื่อเสริมทัพ ฟอร์ดได้เปิดเผยรายละเอียดของชุดแต่งเฉพาะที่ผู้บริโภคอาจจ่ายเพิ่ม นี่คือกลยุทธ์การตลาดใหม่ที่แตกต่างจากชุดที่ลูกค้าชาวไทยคุ้นเคย นี่เป็นทางเลือกในการหาทางเลือกเสริมความงาม
ตัวเลือก Everest ของ Ford สามารถเข้าถึงได้จากการจ่ายเงินเพื่อเพิ่มสีตัวถังที่โดดเด่น จ่ายค่าติดตั้งชุดเสริมภายนอก อีกทางหนึ่ง สิ่งที่ผลักดันคือการปรับปรุงการตกแต่งภายในที่นอกเหนือไปจากการเปลี่ยนสีเก้าอี้ ประการสุดท้าย การเพิ่มระบบความปลอดภัยโดยรวมของรถเป็นสิ่งที่คุ้มค่า
https://twitter.com/ApinyaChakrii/status/1607256575194062852?s=20&t=1400OCO3a9u0msKQaouYZQ
วิชิต วงศ์วัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) กล่าวว่า โครงการริเริ่มนี้แสดงถึงเป้าหมายของฟอร์ดในการนำเสนอแพ็คเกจบริการที่ไม่เหมือนใคร ลูกค้าที่สนใจรายใดจะได้รับทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการจ่ายเงินเพื่อซื้อชุดพื้นเมือง? ขณะนี้ได้เริ่มทดลองกับแพ็คเกจหลัก 2 แพ็คเกจ และถือเป็นการทดสอบตลาดในตัวของมันเองเพื่อดูว่าลูกค้ามีความต้องการหรือไม่
ผู้ใช้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นท็อป รุ่น Titanium Plus อาจจ่ายเพิ่ม 10,000 บาท เพื่อซื้อครีมพราลีนภายใน ส่วนแพ็คเกจอื่นๆ เช่น ที่วางแขนลายไม้ในรถยนต์ และชุดตกแต่งที่วางแขน นอกจากการปรับเปลี่ยนเบาะเป็นสีครีมอ่อนแล้ว สีครีมทั้งหมดจะถูกปรับที่คอนโซลหน้าและกรอบประตู ทำให้รถมีความหรูหรามากขึ้น ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ คุณอาจจ่ายเพิ่ม 5,000 บาท เพื่อติดตั้งกันชนโลหะ 1 คู่ใต้ท้องรถ เพื่อปรับปรุงความสามารถของรถในการจู่โจมที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่เร็วที่สุดและโดดเด่นที่สุดในธุรกิจรถกระบะคือการเปิดตัว ADAT Package ของฟอร์ด แพ็คเกจสำหรับผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ที่มีรูปลักษณ์สปอร์ตในรุ่น Sport แต่ต้องการฟีเจอร์ความปลอดภัยครบครัน เช่น รุ่นไทเทเนี่ยม จ่ายเพิ่ม 60,000 บาท อัพเดทอุปกรณ์และระบบช่วยเหลือต่างๆ อีก 13 ระบบ เรียกว่าได้รับความปลอดภัยครบชุดคุ้มกว่า เพราะคุณจะจ่ายเพียง 1.544 ล้านบาท หากคุณซื้อรุ่นสปอร์ตพร้อมบันเดิลนี้ ถูกกว่ารุ่นไทเทเนี่ยม พลัส ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาระหว่าง 1.704 ล้าน ถึง 1.6 ล้านบาท
ปัญหาเดียวสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อบันเดิลเหล่านี้ และเหตุผลที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวก็คือ แพ็คเกจเหล่านี้จะมีให้ในรูปแบบของรถพ่วงที่สร้างขึ้นเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิตจะผลิตตามคำสั่งซื้อที่ลูกค้าซื้อและชำระเงิน ทำให้ลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้สนใจมากขึ้นเป็นอันดับแรก หลังจากชำระเงินแล้ว คุณอาจต้องรอรถของคุณเข้าสายการผลิต ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน แต่อาจนานกว่านั้น หากระบบการผลิตจมอยู่กับด้านอื่น ซึ่งวิชิต ยอมรับว่าอาจขัดกับธรรมเนียมของผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการใช้เงินและรับของบางอย่าง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://thaihotnews.info/