
ทำไมต้องซื้อเครื่องบินขับไล่ คำตอบก็คือ เพื่อการคานอำนาจการต่อรอง การป้องปรามฝ่ายตรงข้ามและประเทศที่ไม่หวังดี และหากคุณมีญาติพี่น้องที่เป็นนักบินขับไล่ของกองทัพอากาศไทย แล้วเขาต้องมาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกขณะบินปฏิบัติภารกิจ เนื่องจากต้องขึ้นบินกับเครื่องบินรบรุ่นเก่าที่ใกล้จะปลดประจำการ คุณจะรู้สึกอย่างไร? กองทัพฯ ต้องสูญเสียนักบินที่มีความสามารถ ซึ่งใช้เงินงบประมาณจำนวนมากในการผลิตนักบินรบแต่ละนาย

Saab JAS 39 Gripen เครื่องบินขับไล่พหุบทบาทรุ่นที่สี่ของสวีเดน พัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 และเข้าประจำการในกองทัพไวกิ้งในปี 1996 คุณลักษณะที่น่าสนใจของเครื่องบินขับไล่ขนาดกะทัดรัดน้ำหนักเบาและมีความคล่องตัวก็คือ ต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำ และต้นทุนต่อชั่วโมงบินน้อยกว่า 3-4 เท่า ซึ่งน้อยกว่าการใช้งานเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง Lockheed Martin F-35 Lightning II และมีค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงบินน้อยกว่าเครื่องบินขับไล่ของกองกำลังนาโต้อย่าง Eurofighter Typhoon ถึงสองเท่า และยังน้อยกว่า F-16 Block 40/50 ถึง 1.5 เท่า

SPONSORED
คุณสมบัติที่น่าสนใจอีกอย่างของ Saab JAS 39 Gripen คือ ความสามารถในการใช้ทางหลวงเป็นรันเวย์เพื่อบินขึ้น หรือร่อนลงจอด ด้วยระยะทางวิ่งที่สั้นกว่า ความสามารถในการลงจอดบนพื้นที่ชื้นแฉะ ด้วยระยะทางสั้นแค่ 500 เมตร แตกต่างจาก Eurofighter Typhoon ซึ่งต้องการทางวิ่งที่เรียบและยาว นอกจากนี้ การเตรียมความพร้อมของเครื่อง JAS 39 Gripen ให้พร้อมสำหรับการขึ้นบิน ใช้เวลาเพียง 10-20 นาที เท่านั้น


Saab JAS 39 Gripen สามารถติดตั้งขีปนาวุธและระเบิดของกองกำลังนาโต รวมถึงอาวุธของโลกตะวันตกได้หลากหลายประเภท เช่น : IRIS-T, AIM-9 Sidewinder, A-Darter, MBDA Meteor, AIM-120 AMRAAM, MBDA MICA, AGM-65 Maverick, KEPD .350, RBS-15F, GBU-12 Paveway II, Mark 82, GBU-39 ระเบิดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็ก


เครื่องบินรบรุ่นล่าสุด Saab JAS 39 Gripen E หรือ JAS 39E มีราคา 85 ล้านดอลลาร์ต่อลำ คิดเป็นเงินบาทของไทย จะอยู่ที่ 2,947,800,000 บาท Saab JAS 39 Gripen E รุ่นใหม่ ประจำการอยู่ในกองทัพอากาศของสวีเดนและบราซิล ปัจจุบัน กองทัพอากาศสวีเดนมี JAS 39C จำนวน 71 ลำ และเข้าประจำการ JAS 39E จากคำสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่นี้เพิ่มเติมอีก 60 ลำ ส่วนเครื่อง JAS 39E จำนวน 24 ลำ และ JAS 39D จำนวน 4 ลำ ถูกสั่งซื้อโดยสาธารณรัฐเช็กและฮังการี

SPONSORED
Saab Gripen E เป็นอากาศยานขับไล่ขนาดกะทัดรัดรุ่นอัปเกรดของเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ Gripen C/D ได้รับการพัฒนาในช่วงปลายทศวรรษ 1990 โดยเป็นการอัปเกรด JAS 39 A/B รุ่นก่อนหน้า ในขณะที่รุ่น E/F ได้รับการพัฒนาในปี 2010 เพื่อปรับปรุงและยกระดับศักยภาพทางการบิน สมรรถนะและระบบอาวุธให้เหนือชั้นกว่า JAS 39 ทุกรุ่น ผู้บริหารของ Saab กล่าวว่า “E-series ได้กำหนดนิยามใหม่ ให้กับกำลังทางอากาศสำหรับศตวรรษที่ 21 โดยการขยายความสามารถในการปฏิบัติการ”

JAS 39 Gripen E ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบแฟน General Electric F414 แบบใหม่ แรงขับ 22,000 ปอนด์ ซึ่งทำให้ Gripen สามารถบินได้ด้วยความเร็วเหนือเสียงโดยไม่ต้องใช้สันดาปท้าย (Supercruise) โครงเครื่องบินที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ ระบบทำการบินใหม่หมด และชุดสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพสูง

SPONSORED
เครื่องบินรบ JAS 39 E-series รุ่นล่าสุด มีความสามารถในการบรรทุกสูงสุดถึง 16,500 กิโลกรัม (16 ตัน) ความเร็วสูงสุด Mach 2 หรือ 2,450 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีพิสัยบิน (บินไกล) 3,000 กิโลเมตร ติดตั้งเรดาร์ AESA ใหม่ ระบบค้นหาและติดตามด้วยอินฟราเรด (IRST) เพื่อติดตามภัยคุกคามในระยะไกล ระบบสื่อสารใหม่ประกอบด้วย SATCOM ทำให้ส่งข้อมูลเกินกว่าระยะสายตามองเห็นหรือ line-of-sight ได้ และ UHF video data-link สำหรับรับส่งข้อมูลกับ FAC บนพื้นดินในภารกิจ CAS


นอกจากนี้ Gripen E ยังมีคุณสมบัติที่ Saab เรียกว่า Human-Machine Collaboration (HMC) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง Human-Machine Interface (HMI) และระบบยุทธวิธีที่นำเสนอเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับนักบิน โดยการกรองข้อมูลด้านเทคนิคให้สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด ทำให้นักบิน ประหยัดเวลาและดำเนินการได้อย่างรวดเร็วแทบจะทันทีในช่วงที่ต้องออกบินปฏิบัติการ Gripen E เป็นเครื่องบินขับไล่แบบแรกที่บรรทุกขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ Meteor (AAM) ที่มีความสามารถในการติดตามและทำลายเป้าหมายในระยะไกลถึง 130 กิโลเมตร ในขณะที่ Gripen C สามารถบรรทุกขีปนาวุธ Meteor ได้สี่ลูก เครื่อง Gripen E สามารถบรรทุกได้สูงสุดเจ็ดลูก นอกจากนั้น อาวุธยุทโธปกรณ์แบบอากาศสู่อากาศของ Gripen-E ยังรวมถึงขีปนาวุธระยะสั้น IRIS-T นำวิถีด้วยอินฟราเรด ขีปนาวุธพิสัยใกล้ ASRAAM และ Python แบบสร้างภาพด้วยอินฟราเรด และอาวุธพิสัยไกล เช่นอาร์ ดาร์เตอร์ เครื่องบินลำนี้ยังสามารถบรรจุขีปนาวุธ Sidewinder และขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยกลางขั้นสูง (AMRAAM)
SPONSORED

JAS 39 Gripen E บรรทุกอาวุธอากาศสู่พื้นผิวได้หลายชนิด รวมถึงระเบิด Mk82, Mk83 และ Mk84, ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ GBU-12, GBU-16 และ GBU-10 และระเบิดขั้นสูง เช่น GBU- 49 และ GBU-39 ในบรรดาขีปนาวุธอากาศสู่พื้นซึ่ง Gripen E สามารถบรรทุกได้นั้น มีทั้ง RBS15F ER, TAURUS KEPD 350, AGM-65 Maverick และ Brimstone ของ MBDA (DMB)
JAS 39 Gripen E ติดตั้งปืนกลอากาศความเร็วสูงอเนกประสงค์ Mauser BK27 ขนาด 27 มม. ให้ความสามารถในการโจมตีทั้งอากาศยานและต่อต้านยานเกราะหรือยิงทำลายบังเกอร์
สำหรับมาตรการป้องกันตัวเอง Gripen-E ติดตั้งระบบเตือนขีปนาวุธเข้าใกล้ (MAW) บรรจุระบบยิงเป้าลวงได้มากกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องบินขับไล่ประเภทเดียวกัน ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเอาตัวรอด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ Gripen-E เอาชนะคู่แข่งจาก Dassault Rafale และ Boeing’s F/A-18 Super Hornet คือ ต้นทุนการดำเนินงานและอายุการใช้งาน บวกกับความสามารถทางการบินที่สร้างโดยบริษัท Saab ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับสูงสู่อากาศยานรบที่ทันสมัยที่สุดของสวีเดนซึ่งมีนัยสำคัญมากขึ้น


Gripen-E มีราคาถูกกว่าเกือบครึ่งหนึ่งของราคาเครื่องบินขับไล่ Rafale ของ Dassault หรือ F/A-18 ของ Boeing นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงบินของ Gripen-E ยังอยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 138,800 บาท เทียบกับค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งชั่วโมงบิน ที่ 14,000 ดอลลาร์ (485,940 บาท) ของเครื่องบินขับไล่ Rafale และ F/A-18 ยิ่งไปกว่านั้น มีรายงานว่า Saab ได้เสนอการถ่ายโอนเทคโนโลยีในระดับที่สำคัญกว่าสำหรับเครื่องบินรบให้กับกองทัพอากาศบราซิล ซึ่งเมื่อเทียบกับ Dassault และ Boeing กลายเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้กองทัพอากาศบราซิลบรรลุข้อตกลงกับ Saab ได้เร็วขึ้น.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-5253692475053/
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://thaihotnews.info/