.css-1wn93q2 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-1wn93q2 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-1wn93q2 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-1wn93q2 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:”;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-1wn93q2 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-1wn93q2 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-1wn93q2 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}.css-1wn93q2 .similar__widget{height:160px;}@media (max-width:991px){.css-1wn93q2 .similar__widget{height:260px;}}

น่าเบื่อแต่อ่อนโยน สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงคำคุณศัพท์บางส่วนที่เทียบเคียงกับ Subaru Forester “SK” โฉมปัจจุบัน นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2019 หากไม่มีรุ่นเทอร์โบชาร์จ หรือสไตล์ของแต่งแปลก ๆ ในเวอร์ชัน GT แม่บ้านแสนดีอย่าง Forester ก็วางตัวอยู่ตรงกลาง มันเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อเครื่องยนต์สูบนอนไม่มีเทอร์โบ ที่พยายามไม่ทำให้คุณขุ่นเคืองด้วยการสร้างความประทับใจในการลุยพอหอมปากหอมคอ Subaru รู้ดีว่าจะต้องทำให้แฟนๆ ประทับใจด้วยระบบความปลอดภัยแบบใหม่ พร้อมโหมด xDrive และผลลัพธ์ก็คือ Forester รุ่นปี 2022 ที่มาพร้อมกับ Eyesight 4.0 เวอร์ชันล่าสุด

SPONSORED

เช่นเดียวกับการปรับโฉมที่แล้วๆ มาของ Subaru การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่จะกระจุกตัวที่ด้านหน้า (อันที่จริงแล้ว ด้านหลังของแม่บ้านแสนดีคันนี้ กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดทั้งสิ้น) ใบหน้าที่คมเข้มจากไฟหรี่กลางวัน LED Daytime กับการจัดเรียงอุปกรณ์ในระบบส่องสว่างอัตโนมัติ (Automatic high beams) ภายในชุดไฟหน้าใหม่หมด ไฟหน้าดูอนุรักษนิยม ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่ดูดุดันมากกว่าเดิมเล็กน้อย Subaru เรียกมันว่า BOLDER และเป็นที่ยอมรับว่าเป็นการกลับขั้วอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ใหม่ทั้งไฟ กระจังสีดำและกันชนพร้อมชุดไฟตัดหมอกใหม่ เพื่อเพิ่มความสดของ Forester รุ่นปรับโฉม ขณะเดียวกันก็ยังเน้นย้ำจุดยืน ในฐานะรถ SUV ขนาดกะทัดรัด ที่มีความสามารถสูง สำหรับเส้นทางที่รถส่วนใหญ่ บุกตะลุยฝ่าเข้าไปไม่ได้ไป ไฟหน้ารูปทรงน่าทึ่ง ตัดกับกันชนใหม่และสีเขียวเข้ม ดูน่าสนใจไม่น้อย การปรับแต่งอื่นๆ ได้แก่ ดีไซน์ใหม่สำหรับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และแรคหลังคาสี สีดำ

SPONSORED

SPONSORED

คนที่เลือกใช้รถยนต์ยี่ห้อ Subaru ส่วนใหญ่มักเป็นคนที่รักการขับรถเป็นชีวิตจิตใจและชอบรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ หากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง กลุ่มลูกค้าเก่าของ Subaru Forester ก็คือคนที่ตกลงปลงใจเลือกรถ SUV จากแบรนด์หมู่ดาวโดยไม่แคร์หรือไม่สนใจเรื่องของราคาขายต่อและศูนย์บริการที่มีอยู่เพียงน้อยนิด เป็นนักขับที่เบื่อสภาพการควบคุมของรถ PPV ในประเทศที่ขับยังไงก็ไม่สามารถสลัดคราบเคราของรถปิกอัพออกไปได้ในเรื่องของความสบายจากระบบรองรับ อาการโคลงตัว การถ่ายเทน้ำหนักในโค้งหรือขณะที่ต้องใช้เบรกหนักๆ รถแชสซีโมโนค็อกอย่าง Ferester นั้นมีประสิทธิภาพในด้านดังกล่าวดีกว่ารถกระบะดัดแปลง PPV – SUV แต่จะด้อยกว่าในเรื่องของการลุยหนักจากแชสซีและช่วงล่างที่เซตมาแตกต่างกันในด้านความแข็งแกร่งคงทน

SPONSORED

Eyesight ทำงานผ่านการตรวจจับของเซนเซอร์และกล้อง Twin Camera ที่ติดตั้งบริเวณกระจกหน้าบริเวณกึ่งกลาง ซึ่งจะมองเห็นกล้องสองตัวอยู่ระหว่างกระจกมองหลัง เซนเซอร์จะประมวลผลจากกล้องมองภาพทั้งด้านหน้าและด้านข้าง สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบๆ รถขณะขับเคลื่อน Eyesight เชื่อมต่อการทำงานกับระบบต่างๆ เช่น Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go รวมถึงระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน Pre-Collision Braking ที่ช่วยชะลอความเร็วขณะพุ่งเข้าไปใกล้ท้ายรถคันข้างหน้ามากจนเกินไป ส่วนระบบแจ้งเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert ทำให้คุณรับรู้เมื่อรถคันข้างหน้าเริ่มเคลื่อนที่ สำหรับ Lane Departure Warning ระบบแจ้งเตือนเมื่อเปลี่ยนทิศทางโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวหรือมีรถที่อยู่ด้านข้างใกล้เกินไปทำให้การเปลี่ยนเลนมีความปลอดภัยมากกว่าเดิม

ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง SVRD
กล้องมองภาพมุมมองด้านข้าง บริเวณล้อหน้าซ้าย Side View Monitor
ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน Pre-Collision Braking
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go
ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน Pre-Collision Throttle Management
ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน Lane Departure Warning
ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย Lane Sway Warning
ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert
ระบบบังคับพวงมาลัยฉุกเฉินอัตโนมัติ 
ระบบควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ 
ระบบป้องกันการออกนอกเลน

ระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 8 นิ้ว เป็นของใหม่สำหรับ Forester รุ่นปรับโฉม มีการนำระบบที่ล้าสมัยของ Forester รุ่นก่อนหน้าออกไป เพื่อให้มีกราฟิกที่ชัดเจนขึ้น และไอคอนที่กดใช้งานได้ง่ายขึ้น คุณภาพเสียงจากลำโพง ยังไม่เทียบเท่ากับของแบรนด์คู่แข่ง แต่อย่างน้อยการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ก็ให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานแล้ว นอกจากนี้ กล้องมองภาพพาโนรามา 360 องศา ยังชัดเจนเพียงพอและมีลูกเล่นที่ชาญฉลาดบางอย่าง เช่น การสลับไปยังมุมมองขอบทางโดยอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีสิ่งกีดขวางที่ประตู

ระบบความปลอดภัยของ Forester ที่ได้รับการอัปเกรดในปีนี้ มีการปรับปรุง Subaru EyeSight ระบบความปลอดภัยที่ใช้กล้องสามมิติ ซึ่งได้รับการอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 4.0 ขยายขอบเขตการมองเห็นและเพิ่มฟังก์ชันการทำงานมากขึ้น ฟังก์ชันมาตรฐานก่อนหน้านี้ ได้แก่ ระบบเบรกก่อนการชน การเตือนวิ่งกินเลนและการออกนอกเลน ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้ มีการเพิ่มระบบจัดการช่องทาง อัตโนมัติ ช่วยลดการชนด้านหลังได้มากถึง 84 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับยานพาหนะที่ไม่ได้ติดตั้ง EyeSight อาจเป็นตัวเลขที่มากเกินไป

รถทดสอบ Forester 2.0i-S รุ่นปรับโฉม ยังเพิ่มระบบช่วยบังคับเลี้ยวฉุกเฉิน ซึ่งจะบังคับทิศทางของรถ โดยอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการชนที่กำลังจะเกิดขึ้น นอกเหนือไปจากระบบ EyeSight 4.0 คุณลักษณะด้านความปลอดภัยอื่นๆ ได้แก่ ระบบยกหรือลดไฟสูงอัตโนมัติ ไฟแสดงจุดบอดพร้อมการแจ้งเตือนการข้ามด้านหลัง และการเบรกอัตโนมัติด้านหลัง EyeSight ทำงานได้ดีในสภาพการจราจรของไทย แตกต่างจากระบบที่คล้ายกันจากแบรนด์รถยนต์ค่ายอื่นซึ่งอาจมีการส่งสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด สำหรับระบบ EyeSight 4.0 ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อลดปัญหาดังกล่าวในการใช้งานจริง 

Subaru Forester 2.0i-S Eyesight 4 AWD วางเครื่องยนต์เบนซิน Boxer เป็นเครื่องยนต์ที่มีความแตกต่างจากเครื่องยนต์สูบเรียง และมีแค่สองแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้นที่ยังคงใช้เครื่องยนต์แบบนี้ (Porsche / Subaru) เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบนอน Boxer ขนาด 2.0 ลิตร ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,995 ซีซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดตรงแบบ Direct Injection พร้อมการออกแบบระบบไอดีที่มีความเหมาะสมเพื่อการตอบสนองที่ดี เครื่องยนต์ตัวนี้มีกำลังสูงสุดแค่ 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดไม่ได้มากมายอะไรแค่พอได้อาศัยแซงแบบต้องเผื่อระยะให้มากหน่อย แรงบิด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ดูเหมือนน้อยเกินไป แต่พอขับแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ารถอืดเกินทนหรือมีกำลังไม่พอ เครื่องยนต์สูบนอน 2.0 ลิตร ต่อเชื่อมกับระบบส่งกำลังซึ่งใช้เกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Symmetrical All-Wheel Drive

ระยะและช่วงเวลาของการเปิด-ปิดวาล์วไอดีให้มีความเหมาะสมประสานไปกับการทำงานของรอบเครื่องยนต์ ในรอบเครื่องยนต์ต่ำ เครื่องยนต์ FB20 แบบสูบนอนหายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศต้องการอากาศในการเผาไหม้ในปริมาณที่ต่ำกว่ารอบเครื่องยนต์สูงๆ ซึ่งคล้ายคลึงกับเครื่องยนต์แบบแถวเรียงสี่สูบทั่วๆ ไป เปรียบเทียบได้กับการที่เดินและวิ่ง ต่างก็ต้องการอากาศในการหายใจในปริมาณที่ไม่เท่ากัน วาล์วแปรผัน Double Continuous Variable Cam Phasing จะบังคับให้วาล์วไอดีตัวที่หนึ่งเปิดน้อยกว่าวาล์วไอดีอีกตัวหนึ่ง ทำให้อากาศไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ในปริมาณที่เหมาะสม กับที่เครื่องยนต์ต้องการในการเผาไหม้ สำหรับที่รอบเครื่องยนต์สูง ระบบจะบังคับให้วาล์วไอดีทั้ง 2 ตัว เปิดในระยะที่กว้างขึ้น และในช่วงเวลาที่มากขึ้น เพื่อทำให้อากาศที่ไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้มากขึ้น เพียงพอกับการใช้รอบเครื่องยนต์ในรอบสูง Double Continuous Variable Cam Phasing หนึ่งในระบบแปรผันการเปิด-ปิดวาล์ว เพื่อให้เกิดกำลังในรูปแรงบิดที่มีความต่อเนื่องและอยู่ในช่วงกว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้เครื่องยนต์มีการตอบสนองดีทุกความเร็วรอบ เครื่องยนต์ที่วางได้ต่ำมากกว่าเครื่องยนต์สูบเรียงช่วยลดค่า CG ทำให้การทรงตัวในโค้งมีความเสถียรมากกว่า ลดอาการโคลงตัวที่ทำให้ควบคุมและนั่งขับได้อย่างสบายเนื้อสบายตัว

เกียร์อัตโนมัติแบบ Lineartronic – continuously variable transmission CVT อัตราทดแปรผัน ติดตั้งระบบล็อกอัปเพื่อเปิดโอกาสให้คนขับสามารถชิฟต์เกียร์เองได้บนเส้นทางคดเคี้ยวหรือเส้นทางวิ่งขึ้น-ลงภูเขาที่สูงชันโดยมีตำแหน่งเกียร์แมนนวลมาให้ เป็นความสามารถของเกียร์อัตโนมัติที่ใช้สายพานแบบโซ่หรือเกียร์ CVT ที่แข็งแกร่งและถ่ายทอดกำลังได้ดีกว่าเกียร์ CVT ที่ใช้สายพานยาง แม้จะใช้สายพานโลหะแต่ความนิ่มนวลในการส่งถ่ายแรงบิดจากเครื่องยนต์ไปยังล้อขับเคลื่อนทั้งสี่ก็ยังคงความนิ่มนวลในการทดกำลัง เนื่องจากการออกแบบห้องเกียร์และการวางกลไกของชุดเฟือง สมรรถนะที่เคลมจากโรงงาน เจ้า Subaru Forester 2.0i-S EyeSight 4.0 มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 10.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 192 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ช่วงล่างด้านหน้าใช้แบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนระบบรองรับด้านหลังเป็นแบบดับเบิลวิชโบน โช้คอัพสปริงและเหล็กกันโคลง ช่วงล่างและจุดยึดรวมถึงมุมทางเรขาคณิตของ Subaru Forester Minor Change ถูกปรับตั้งมุมองศาและปรับค่ามาใหม่หมด เป็นการจูนช่วงล่างเพื่อส่งถ่ายความสบายในการนั่งโดยสาร ช่วงล่างแนวขับสี่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพของการควบคุมแบบสั่งได้ ทั้งการขับบนทางเรียบและขับลุยพอหอมปากหอมคอบนทางวิบากขรุขระ ช่วงล่างของ Forester มีความแข็งแกร่งทนทานรองรับการขับในสภาพทางที่มีความทุรกันดารและมีความเหมาะสมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาสลับกับทางขึ้น-ลงเนินยาวๆ

ยาง Bridgestone Dueler ขนาด 225/55 R18 มีแก้มสูง ทำให้เกิดความนิ่มนวลเมื่อวิ่งอยู่บนไฮเวย์ หรือแม้แต่ตอนที่กำลังห้ออยู่บนทางลูกรังที่เต็มไปด้วยหลุมก็ยังซับแรงสั่นสะเทือนและทำงานกับแชสซีได้ดี แต่ยางก็ยังมีเสียงดังมากกว่ายางยี่ห้ออื่น เป็นยางทางเรียบที่มีคุณภาพดีและมีเสียงรบกวนไม่มาก รวมถึงยังมีราคาของยางรุ่นนี้ที่ไม่ได้แพงจนเกินไป อย่างไรก็ตาม ยางติดรถมาจากโรงงานของ Forester ใช้ลุยได้แค่พอหอมปากหอมคอ หากคิดจะจัดแบบเต็มสูบมาแนวโหดหินแบบลุยแหลกแจกสะบัดต้องหายางลุยดอกลึกมายัดแทน Subaru Forester 2.0i-S Eyesight คันทดสอบเป็นรถของลูกค้าและสื่อมวลชนที่ใช้วิ่งทดลองประสิทธิภาพ มันผ่านการวิ่งแบบจัดเต็มมาแล้ว 1,700 กิโลเมตร ทุกอย่างยังคงใหม่เอี่ยม ยางยังอยู่ในสภาพดีและมีช่วงล่างที่ยังทำงานปกติเหมือนรถใหม่ป้ายแดงทั่วไป

X-Mode เข้าควบคุมการหมุนของล้อแต่ละข้าง เพื่อลดหรือเพิ่มแรงบิดไปยังล้อที่เสียสมดุลหรือเริ่มสูญเสียการยึดเกาะ ซึ่ง X-Mode จะเข้ามาช่วยให้การควบคุมรถมีความปลอดภัยขณะขับผ่านทางโค้งหรือขึ้น-ลงเนินเขาที่สูงชัน ระบบห้ามล้อแบบมาตรฐานใช้ดิสเบรกทั้ง 4 ล้อ พ่วงต่อกับระบบความปลอดภัยแบบใหม่หรือ Eyesight คาร์ลิปเปอร์เบรกแบบอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาและมีความแข็งแรง เบรกให้สัมผัสมั่นใจด้วยระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) รวมถึงระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแบ่งสันปันส่วนเฉลี่ยแรงเบรกไปที่ด้านหน้า / หลังโดยผ่องถ่ายแรงดันเบรกเพิ่มขึ้นเมื่อรถมีการโหลดน้ำหนักบรรทุก เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้เบรกแบบฉุกเฉินสามารถทำให้ตัวรถหยุดได้ในระยะที่ปลอดภัย

ความสมมาตรของระบบขับเคลื่อน ช่วยทำให้รถมีเสถียรภาพด้านการทรงตัวที่ดี ช่วยให้ผู้ขับขี่มีภารกรรมน้อยลงจากความสมดุล วิศวกรของ Subaru ออกแบบระบบขับเคลื่อนของ New Forester คันนี้เพื่อให้ความมั่นใจในด้านการขับเคลื่อนในทุกย่านความเร็ว นั่นคือเหตุผลที่ Subaru ทำการพัฒนากลไกขับสี่ล้อตลอดเวลาแบบ Symmetrical AWD มาตั้งแต่ปี 1972 และยังคงก้าวต่อไปกับ New Forester ด้วยโหมดขับเคลื่อนล่าสุดหรือ X-Mode เพื่อการใช้งานสำหรับขับขึ้น-ลงทางลาดชันหรือทางวิบากที่มีผิวถนนขรุขระ ระบบขับเคลื่อนแบบทุกล้อตลอดเวลา เพิ่มการส่งมอบพลังงานในรูปของแรงบิดจากเครื่องยนต์มายังชุดส่งกำลังและกระจายไปแรงบิดไปยังเพลาขับหน้า-หลัง ทำให้เกิดแรงฉุดที่ดีตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงการทรงตัวที่มั่นคงเมื่อวิ่งด้วยความเร็วเดินทางบนไฮเวย์ ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เข้ามาเพิ่มเติมสมรรถนะของตัวรถ New Forester เมื่อขับผ่านถนนขรุขระหรือที่ทางสูงชัน รวมถึงการขับในสภาวะที่อาจก่อให้เกิดอาการลื่นไถล เช่น วิ่งฝ่าสายฝนบนสภาพทางที่เปียกลื่น

การควบคุมที่มีความมั่นคงยังช่วยทำให้ผู้ขับขี่สามารถนำรถวิ่งฝ่าถนนเปียกลื่น ทางลูกรัง หล่มโคลน หรือผิวถนนที่เต็มไปด้วยหิมะได้อย่างปลอดภัยจากโหมดขับสี่แบบใหม่หรือ X-Mode สำหรับการตอบสนองของระบบเกียร์ Lineartronic – continuously variable transmission CVT จาก Subaru ทันทีที่คันเร่งถูกกด เกียร์แบบสายพานโซ่โลหะที่แทบจะไม่มีระยะของการยืดตัวแบบเกียร์ CVT ที่ใช้สายพานยาง ทำให้การส่งกำลังไปที่ล้อทั้ง 4 เกิดขึ้นในแบบไร้รอยต่อและปราศจากอาการกระตุกกระชาก เกียร์ออโต้ Lineartronic มีการเปลี่ยนอัตราทดที่ต่อเนื่องและลื่นไหล ช่วยให้การตอบสนองต่อการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อขับเคลื่อนทุกล้อเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในจังหวะตั้งแต่เริ่มออกตัว ระบบส่งกำลัง Lineartronic ยังจับคู่กับกลไกกระจายแรงบิดผ่านระบบ AWD สามารถตอบสนองต่อการขับแบบลากเกียร์ด้วยโหมดแมนนวลหรือชิฟต์เกียร์ด้วยตัวผู้ขับเอง การควบคุมแรงบิดจากด้านหน้าไปทางด้านหลังหรือจากด้านหลังถ่ายเทมาด้านหน้าจึงเต็มไปด้วยความสมดุลสูงสุด แตกต่างจาก Honda CR-V / Mazda CX-5 / Nissan X-Trail ซึ่งใช้การขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้าเป็นหลัก ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Honda CR-V / Mazda CX-5 และ Nissan X-Trail จะทำงานก็ต่อเมื่อล้อหลังขาดการยึดเกาะและเป็นการสั่งงานด้วย ECU ที่ผู้ขับไม่สามารถปรับระบบการขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้

พวงมาลัยไฟฟ้าแม่นยำ มีน้ำหนักที่ค่อนข้างคงที่ ขนาดความกว้างของฐานล้อ แกนของรถซึ่งมีการจัดวางเครื่องยนต์ที่วางเอาไว้ต่ำมากเป็นพิเศษ จากลักษณะของเครื่องสูบนอนที่ออกแนวแบนและกว้าง วางอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป มันค่อนข้างแตกต่างจากเครื่องสูบเรียงที่มีความสูงของตัวเครื่องมากกว่า การถ่ายเทน้ำหนักและอาการโคลงตัวอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อขับอยู่บนไฮเวย์และใช้ความเร็วสูงในบางโอกาส แม้บางช่วงบางตอนจะต้องผจญกับผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ ไม่ว่าคุณจะขับมันบนทางแบบไหน New Forester รุ่น 2.0i-S พร้อมระบบ Eyesight จะส่งถ่ายสมรรถนะที่แท้จริงของรถยนต์แบบ SUV ออกมาให้สัมผัสกันอย่างจุใจ ทางที่ค่อนข้างลื่นจากฝนที่ตกหนักของพายุฤดูร้อนทำให้เกิดสภาพผิวถนนที่เปียกชื้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของ Forester

รถยนต์ของแบรนด์หมู่ดาวที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้ง XV / Forester / Levorg / WRX / WRX STi รวมถึง Outback เมื่อนำไปวิ่งในสภาพฝนตก สภาพผิวถนนเปียกลื่น คุณจะรับรู้ถึงการยึดเกาะที่เหนือกว่ารถ PPV SUV ความสมมาตรของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่กระจายแรงบิดเท่ากันทั้งหมดบนถนนที่เปียกลื่น มีส่วนช่วยทำให้รถเกิดเสถียรภาพ ความหนึบนุ่มของระบบรองรับ การกระจายแรงไปยังล้อทั้ง 4 จะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากรถคู่แข่ง ช่วงล่างของ Forester ที่ใส่ยางแก้มสูงทำให้เกิดความนิ่มนวล ขับแล้วรู้สึกผ่อนคลาย บนทางลาดยางข้ามจังหวัดจากเพชรบุรีไปปราณบุรี Forester โลดโผนโจนทะยานเปลี่ยนทิศทางไปตามการหมุนพวงมาลัยจนทำให้ผมรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินเจริญใจ Forester แสดงออกถึงความสามารถของการขับที่เหนือชั้นกว่าออฟโรดทุกๆ คันที่มีราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ถึงแม้ขนาดตัวถังจะใหญ่แต่การควบคุมกลับง่าย ราวกำลังขับรถคันเล็กที่มีช่วงล่างนุ่มนวล พร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาที่คอยประคับประคองสอดประสานให้เส้นทางที่คุณวิ่งผ่านไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

แม้ว่า Forester 2.0 i-S EyeSight จะมีการปรับปรุงด้านความสวยงามและความปลอดภัยทั้งหมด แต่ในทางกลไกไดนามิกส์แล้ว Forester ยังเป็นรถ SUV ขนาดกะทัดรัดที่มีพื้นฐานแบบเดิม ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2019 และเครื่องยนต์ปราศจากระบบอัดอากาศที่กลายเป็นจุดอ่อนของมัน เครื่องยนต์ที่มีกำลัง 156 แรงม้า แรงบิด 196 นิวตันเมตร ให้ประสิทธิภาพที่เพียงพอต่อการใช้งาน การตอบสนองของคันเร่งไวขึ้นเล็กน้อย ในช่วงความเร็วต่ำ (เกียร์ CVT เลียนแบบการเปลี่ยนเกียร์ด้วยอัตราทดแปรผันไปตามความเร็วรอบ) ออกตัวบนถนนโล่งๆ แล้วรู้สึกว่ามีความกระฉับกระเฉงใช้ได้ การแซงต้องกะระยะให้ดีๆ แซงอย่างระมัดระวัง ให้ใช้ความอดทน มองให้ขาดก่อนแซง Subaru Forester 2.0 i-S EyeSight ทำอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลา 10.3 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงบนเส้นทางภูเขาแถวพุเตย ทำได้ 8.9 กม./ลิตร มันบริโภคน้ำมันเบนซินโซฮอล์ 95 ตามน้ำหนักขาขวาของคุณอย่างเคร่งครัด กดมากก็กินมาก ค่อยๆ ไปก็จะเห็นตัวเลขที่ดีกว่านั้นแต่เราไม่ควรซื้อ Forester เพื่อมาขับแบบเอาประหยัดละครับ 

Subaru ทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับโช้คและสปริง เพื่อปรับปรุงให้การขับขี่ดีขึ้น ความแม่นยำในการควบคุมเพิ่มขึ้น มันไม่ได้พลิกโฉมเหมือนกับ Subaru XV โฉมใหม่ แต่เห็นได้ชัดว่ามีความเฉียบคมในการบังคับเลี้ยวมากขึ้น การบังคับเลี้ยว แม้ว่าจะไม่รู้สึกว่าแตกต่างกันมากนัก มันยังคงอยู่ตรงกลางของสมการความสะดวกสบายและการจัดการ มีประโยชน์ตรงที่ดูดซับแรงกระแทก ทำให้นั่งขับหรือโดยสารได้นิ่มนวลแต่ปราศจากความรู้สึกหรูหรา อย่างน้อยแชสซีที่เป็นกลางและพวงมาลัยที่ตอบสนองดี ยังคงมีอยู่ นอกจากนี้ Forester ยังเป็นรถเอสยูวีขนาดกะทัดรัดเพียงรุ่นเดียวที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด เช่น ระบบ dual X-Mode ระยะห่างจากพื้น ที่ 220 มิลลิเมตร ในขณะที่มุมเข้าหา จุดหักเห และมุมจาก ถูกกำหนดไว้ที่ 21.4 องศา 21.1 องศา และ 25.8 องศาตามลำดับ

อีกไม่นานนับต่อจากนี้ Subaru กำลังมุ่งไปที่การเปลี่ยนแปลงบทบาทใหม่ด้านการออกแบบและงานวิศวกรรมยานยนต์ของตนเอง แทนที่จะทำรถให้คนที่รักการขับแค่สองโมเดลอย่าง WRX STi หรือ BRZ เพราะถนนคือวิถีชีวิตของนักขับในอดีตที่เลือกซื้อ Subaru แต่แบรนด์หมู่ดาวในปัจจุบัน กลับเลือกที่จะใส่ระบบความปลอดภัยให้กับคนที่รักครอบครัวและใส่ใจในความปลอดภัยมากกว่ารถที่ให้ฟีลลิ่งแบบรถแรลลี่ ในโลกแห่งความเป็นจริง การใช้งานที่มีความอเนกประสงค์ของพื้นที่ใช้สอยและระบบขับเคลื่อนแบบสมมาตร จะช่วยให้ Subaru ขาย Forester ได้ในที่สุด มันไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อสร้างความสุขให้กับนักขับที่ต้องการค้นหาตัวตนของรถแรลลี่ แต่เหมาะสมกับใครคนที่กำลังมองหารถครอบครัวที่แข็งแกร่งและมีระบบความปลอดภัยมากพอที่จะคุ้มครองคนในรถได้ทั้งหมด. 

Subaru Forester 2.0i-S EyeSight 4.0 ราคา 1,550,000 บาท
เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ เบนซินลูกสูบนอน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,995 ซีซี
เกียร์ Lineatronic CVT 7 สปีดพร้อมโหมดแมนนวลและแพดเดิลชิฟต์
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร
ระบบรองรับแรงสะเทือนอิสระทั้ง 4 ล้อ
กำลังสูงสุด 156 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร 
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 10.3 วินาที
ความเร็วสูงสุด 193 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มิติตัวถัง
ยาว 4,640 มิลลิเมตร
กว้าง 1,815 มิลลิเมตร 
สูง 1,730 มิลลิเมตร
พื้นที่เก็บสัมภาระ 505 ลิตร / 1,775 ลิตร
น้ำหนัก 1553 กิโลกรัม
รัศมีวงเลี้ยว 10.5 เมตร 

เทคโนโลยีความปลอดภัยอายไซต์ เวอร์ชัน 4.0
ถุงลมนิรภัยด้านหน้า, ด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย
ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าคนขับ
เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารตอนหน้าปรับความสูงได้
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 3 ตำแหน่ง
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก
ระบบปลอดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเกิดการชน
ระบบล็อกประตูป้องกันเด็กเล็ก
ไฟเตือนเมื่อเบรกฉุกเฉิน
พื้นเหยียบกันลื่นด้านข้าง
ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลัง (SRVD)*
ฝ้าทายควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบกันหนีบ

โหมดขับเคลื่อน Si-DRIVE ปรับได้ 2 โหมดโหมดประหยัดและโหมดสปอร์ต
X-Mode สำหรับสภาพถนน Snow หรือ Dirt
ระบบควบคุมรถขณะลงเนิน (HDC)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (AVH) สำหรับขับขี่ในเมือง
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VDC)
ระบบช่วยกระจายแรงบิดขณะเข้าโค้ง (ATV)
ระบบเสริมแรงเบรก (BA) และระบบป้องกันคันเร่งค้าง (BO)
เบรกมือไฟฟ้า

ไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำโนมัติ (HBA)พร้อมระบบเลี้ยวตามพวงมาลัย (SRH)
ไฟหน้า LED ปรับระดับความสูงอัตโนมัติไฟท้าย LED
ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง LED
ที่ฉีดน้ำทำความสะอาดไฟหน้าแบบ Pop-up
กระจังหน้าและไฟตัดหมอกตกแต่งด้วยโครเมียม
การ์ดตกแต่งด้านหน้าและหลังสีเงิน
การ์ดตกแต่งด้านข้างสีเงิน
ราวหลังคาสีเงิน-ดำ
สปอยเลอร์หลัง
เสาอากาศ Shark Fin
ล้ออัลลอย 18” ยาง 225/55/R18

กุญแจรีโมตและเปิดรถแบบไม่ใช้กุญแจ
ระบบสตาร์ตรถด้วยปุ่ม Push Start
พวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำและใกล้-ไกลอัตโนมัติ
พวงมาลัยและก้านเกียร์อัตโนมัติหุ้มหนัง
จอมัลติฟังก์ชันดิสเพลย์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง
รองรับ Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth
ปุ่มควบคุมวิทยุและโทรศัพท์ที่พวงมาลัย
ฟังก์ชัน Paddle Shift
กล้องรอบคัน
ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่
แป้นคันเร่ง เบรก และที่พักเท้าอะลูมิเนียม

กระจกหน้าต่างควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบกันหนีบ Pinch Protection
ไฟอ่านหนังสือเหนือคอนโซลหน้า
ที่บังแดดคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าพร้อมกระจกส่องหน้าและไฟส่องสว่าง
ลิ้นชักเก็บของขนาดใหญ่
ที่เก็บของคอนโซลกลาง
ถาดวางของตรงกลางเหนือคอนโซลหน้า
ที่วางแก้วน้ำตรงคอนโซลกลาง 2 ตำแหน่ง
ที่วางขวดน้ำตำแหน่งประตูด้านหน้า-หลัง
ช่องเสียบไฟสำรอง 12 โวลต์ และช่อง USB ใต้คอนโซลกลาง
ช่อง USB 2 จุดหลังที่เก็บของคอนโซลกลาง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

จอออดิโอ้ดิสเพลย์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วพร้อมระบบนำทาง และลำโพง 6 ตัวปุ่มควบคุมวิทยุและโทรศัพท์ที่พวงมาลัย
เชื่อมต่อสัญญาณ Bluetooth แบบไร้สาย
เชื่อมต่อความบันเทิงจาก Apple CarPlay และ Andriod Auto
ช่องเสียบ USB 2 จุดหลังคอนโซลกลาง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
กล้องมองรอบคัน ทั้งด้านหน้า, ข้าง และด้านหลัง
กระจกมองหลังพร้อมฟังก์ชันตัดแสงจ้าจากไฟหน้ารถคันหลัง

เบาะหนัง
เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง
เบาะหลังปรับพนักเอนได้
พนักเท้าแขนกลางเบาะหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง
เบาะหลังพับเรียบได้แบบแบ่ง 60/40

ระบบปรับอากาศแยกซ้าย-ขวาพร้อมปรับทิศทางอัตโนมัติ
ระบบปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง

กระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้า
กระจกบานหน้าและบานข้างคู่หน้าป้องกันแสง UV
กระจกหน้าต่างควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบกันหนีบ Jam Protection
ระบบที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบอัตโนมัติและตั้งเวลาได้
ระบบที่ปัดน้ำฝนกระจกหลังแบบตั้งเวลาได้

พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ 1,775 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลงเรียบ และ 505 ลิตรก่อนพับเบาะ
ไฟส่องสว่างที่เก็บสัมภาระด้านท้าย
ช่องเสียบไฟสำรอง 12 โวลต์ 1 จุด
ตะขอเกี่ยวกระเป๋า 4 จุด
ตะขอเกี่ยวตาข่าย 4 จุด
ผ้าใบปิดสัมภาระแบบม้วนเก็บอัตโนมัติ
ฝาท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบจดจำตำแหน่งและกันกระแทก.

ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://thaihotnews.info/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *