
CARS24 (คาร์สทเวนตี้โฟร์) ศูนย์รวมรถมือสองออนไลน์ แนะนำรถมือสองยอดนิยม 6 รุ่น ที่มียอดจองและยอดจำหน่ายสูงติดท็อป 10 ของเต็นท์รถมือสอง ได้แก่ Toyota Hilux Revo, Mazda 2, Isuzu D-Max, Toyota Yaris, Toyota Corolla Altis และ Toyota Yaris Ativ โดยใครที่กำลังเล็งรถยนต์รุ่นเหล่านี้ไว้ แนะนำให้รีบจอง พร้อมเลือกรับข้อเสนอจากธนาคารพันธมิตรชั้นนำได้หลากหลาย สำหรับลูกค้า CARS24

CARS24 มีรถมือสองสภาพดีมากกว่า 800+ คัน ตอบโจทย์ความต้องการ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการประหยัดและมีงบประมาณไม่มาก ผู้ที่สนใจสามารถนัดทดลองขับแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ทดลองขับฟรีที่บ้านหรือจะเข้าไปทดลองขับได้ที่ศูนย์บริการ CARS24 ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ CARS24 ลาดกระบัง, CARS24 อโศก และ CARS24 กาญจนาภิเษก รถทุกคันรับประกันไม่มีชนหนัก ไม่จมน้ำ ไม่มีการกรอเลขไมล์ ซื้อแล้วเปลี่ยนใจ มีรับประกัน คืนเงินได้ใน 7 วัน นอกจากนี้ยังมีบริการข้อมูลทางด้านไฟแนนซ์ ช่วยดูแลแนะนำโปรโมชั่นที่เหมาะสม จริงใจ หารถที่ตรงใจและตรงงบประมาณตามที่ตั้งเป้าไว้มากที่สุด
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์มือสองไว้ใช้งานสักคัน CARS24 ขอแนะนำรถยนต์ระดับ Best Sellers ทั้ง 6 รุ่น ทุกรุ่น ได้รับการการันตีคุณภาพและราคาคุ้มค่า เลือกซื้อได้ทุกที่ทุกเวลา
SPONSORED


1. Toyota Hilux Revo เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 รุ่นโฉมล่าสุดปี 2020 ออกแบบด้านหน้าตัวรถใหม่ พร้อมกับการจูนเครื่องยนต์ใหม่ให้มีกำลังมากกว่าเดิม นอกจากนี้ ด้านท้ายรถยังมีการเปลี่ยนดีไซน์ไฟท้ายใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของไฟหน้า Bi-Beam LED, กระจังหน้า, กันชนหน้า, ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว และไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ภายในห้องโดยสาร Dashboard มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ เล็กน้อย เช่น ชุดมาตรวัด, หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว, วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ และระบบเครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay™ และ Android Auto™ นอกเหนือจากงานดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนสำคัญที่มีการปรับเปลี่ยนเป็นครั้งแรกนับจากการเปิดตัว Toyota Hilux REVO คือเครื่องยนต์ ซึ่งมีการจูนเพิ่มกำลังในเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร VN เทอร์โบ รหัส 1GD-FTV Super Power เพิ่มเป็น 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร (เพิ่มจากเดิม 27 แรงม้า แรงบิดมาอีก 50 นิวตันเมตร) ติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota SAFETY SENSE มาให้ใน Toyota Hilux REVO รุ่น ROCCO ราคาประมาณ 919,000-969,000 บาท


2. Mazda 2 เปิดตัวในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปี 2019 ได้ปรับโฉมใหม่ Minor change มีให้เลือกทั้งแบบ Hatchback 5 ประตู และ Sedan 4 ประตู พร้อม MZD Connect ในทุกรุ่น (ยกเว้นรุ่น Standard) จอทัชสกรีน Center Display ขนาด 7 นิ้ว ถูกจัดวางในตำแหน่งศูนย์กลางบนคอนโซลหน้ารถ ติดตามข่าวสารและความบันเทิงด้วยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากในรถ รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1,500 ซีซี เทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์ ให้อัตราเร่งด้วยแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร หัวฉีดโซลีนอยด์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐาน Euro 5 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 100 กรัม/กม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 24.0 – 26.3 กม./ลิตร เทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE เช่น ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ไฟกะพริบเตือนที่กระจกมองข้าง ABS 4 ล้อ พร้อม EBD ช่วยกระจายแรงเบรก DSC : Dynamic Stability Control ช่วยควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ HLA : Hill Launch Assist ช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน TCS : Traction Control System ป้องกันรถลื่นไถล ระบบ i-ELOOP ระบบเปลี่ยนพลังงานที่สูญเสียจากการลดความเร็วเป็นพลังงานไฟฟ้า เก็บไว้ในอุปกรณ์เก็บประจุไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้เลี้ยงระบบไฟฟ้าของอุปกรณ์ภายในรถ พร้อม i-Stop สั่งให้เครื่องยนต์หยุดการทำงานชั่วคราวเมื่อรถจอดนิ่ง Mazda 2 ราคาประมาณ 400,000-600,000 บาท
SPONSORED


3. Isuzu D-Max รุ่นที่แนะนำเป็นโฉมใหม่ Model Change ที่ออกมาในปี 2019 ดีไซน์ภายนอก มิติใหญ่และบึกบึน ให้ความรู้สึกทรงพลังและแข็งแกร่ง เป็นรถรุ่นที่ช่วยในเรื่องการประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ของ isuzu D-Max มี 2 แบบ คือ เครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูพาวเวอร์ รุ่น 4JJ3-TCX เทคโนโลยีดีเซลสมบูรณ์แบบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/ นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที มาพร้อม E-VGS TURBO เทอร์โบแปรผันปรับไฟฟ้า แรงจัดตั้งแต่รอบต่ำ แต่มีการตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีสมรรถนะดี ทั้งแรงม้า และแรงบิดสูงสุดในรถกระบะคลาสเดียวกัน ภายในมีการดีไซน์ให้มีความกว้างขวาง คอนโซลหน้า เล่นระดับแบบ Sharp Horizontal Layers วัสดุทั้งพลาสติก หนังสังเคราะห์ ไวนิล ดูดีทั้งห้องโดยสาร Smart MID ที่มีขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว มีแผงควบคุมระบบปรับอากาศ Piano Touch พวงมาลัย ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง แบบ Tilt & Telescopic เบาะนั่งคู่หน้า เทคโนโลยี AVEC (Anti Vibration Elastic Comfort) ซับแรงสั่นสะเทือน ลดความเมื่อยล้า พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ ราคาประมาณ 510,000-640,000 บาท
SPONSORED


4. Toyota Yaris สำหรับรุ่นปี 2019 มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย คือรุ่น L เน้นความสปอร์ต รุ่น LE เน้นออปชั่น และรุ่น XLE ที่เน้นความลงตัวระหว่างความหรูหราและสปอร์ต ไฟหน้า LED ไฟตัดหมอก ติดตั้งกระจังหน้าลายรังผึ้ง ลิ้นสปอยเลอร์ด้านหลังแบบใหม่ ทุกรุ่นมีเสาอากาศแบบ Shark Fin สีเดียวกับตัวถัง กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า ขณะที่รุ่น LE และ XLE เพิ่มระบบไล่ฝ้า ไฟเลี้ยวแบบ LED เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำเงาเปียโนแบล็กและโครเมียม เบาะนั่งคู่หน้าและพวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง เช่นเดียวกับหัวเกียร์และด้ามเบรกมือ ส่วนเบาะนั่งด้านหลังที่ปรับ-พับได้แบบ 60/ 40 มีหน้าจอมัลติมีเดียระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว จดจำเสียง พร้อมรองรับ AM/ FM มีช่องเชื่อมต่อ AUX, USB และ iPod สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วย Bluetooth และ SiriusXM ระบบความปลอดภัย ได้แก่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Dynamic Stability Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) ระบบความปลอดภัยก่อนการชนด้วยความเร็วต่ำ (Low-Speed Pre-Collision System) ระบบที่จะตัดการทำงานของคันเร่ง (Brake Over-Ride System) ระบบควบคุมความเร็ว (Cruise Control) ระบบควบคุมแรงดึง (Traction Control System) เป็นต้น ราคาประมาณ 440,000 บาท
SPONSORED


5. Toyota Corolla Altis สำหรับรุ่นที่แนะนำเป็นรุ่นปี 2016 เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC Dual VVT-i ความจุกระบอกสูบ 1,598 ซีซี แรงม้าสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 154 นิวตัน-เมตร รองรับการใช้งานน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ภายนอก เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ พร้อม ไฟ LED Day Time Running Lights, ไฟตัดหมอกหน้า, มือจับประตูด้านนอกแบบ Grip-type, กระจกข้างพับเก็บอัตโนมัติแบบใหม่ ห้องโดยสารภายในออกแบบสวย เสริมฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน ได้แก่ มาตรวัดเรืองแสง Optitron จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบใหม่, แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift, ระบบกรองอากาศในห้องโดยสาร nanoe เบาะหลังปรับเอนได้ ปรับเปลี่ยนระดับได้ตามความต้องการ (เพิ่มเติมในรุ่น 1.8V Navi) รวมไปถึงการบรรจุระบบความปลอดภัยมาตรฐานในระดับสากล ทุกรุ่นย่อย เช่น โครงสร้างนิรภัย GOA, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบเสริมแรงเบรก (BA) เป็นต้น Corolls Altis รุ่นปี 2016 ราคาประมาณ 450,000 บาท Corolla Altis Hybris รุ่นปี 2019 ราคาประมาณ 815,000 บาท


6. Toyota Yaris Ativ เป็นรถรุ่นที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 มี 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Entry, รุ่น Mid และรุ่น High รูปลักษณ์ภายนอก มาพร้อมกับไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ กระจังหน้าด้านบนสีดำเงา ตกแต่งด้วยโครเมียม กระจังหน้าด้านล่างสีดำเงา ตกแต่งด้วยแถบสีแดง วัสดุตกแต่งไฟตัดหมอกสีดำ ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding เสาอากาศแบบสั้น กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ รุ่น Mid เพิ่มเติมจากรุ่น Entry เช่น แผ่นกันความร้อนใต้ฝากระโปรง ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาและปรับตั้งเวลาได้ กระจกมองข้างสีดำเงาพร้อมไฟเลี้ยว กระบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน รุ่น High ซึ่งเป็นตัวท็อป มีอุปกรณ์เพิ่มเติม ได้แก่ ไฟหน้าแบบ Projector ระบบควบคุมการเปิด–ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow Me Home กระจังหน้าด้านบนสีดำเงา ตกแต่งด้วยโครเมียมรมดำ ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding แบบรมดำ มือเปิดประตูด้านบนอกแบบโครเมียม ระบบความปลอดภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ระบบเซ็นทรัลล็อก ระบบละลายฝ้ากระจกหลัง ระบบเบรก ABS / EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC ที่เพิ่มให้ในรุ่น Mid ได้แก่ กล้องมองหลัง ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer / ระบบเตือนการโจรกรรม TDS ในรุ่น High จะมีไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED ราคาประมาณ 327,000 – 402,000 บาท
สนใจ สามารถซื้อรถ พร้อมรับข้อเสนอที่ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการ ผ่านทางเว็บไซต์หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน CARS24 ได้แล้ววันนี้ ทั้ง App Store และ Google Play Store.
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://thaihotnews.info/