
การอัปเกรดขุมกำลังใหม่ แทนที่เครื่องยนต์ V6 ใน AMG รหัส 43 ด้วยเครื่องสูบเรียง 6 กระบอกสูบรหัส 53 ที่มีบาลานซ์การทำงานยอดเยี่ยม ทำให้ AMG GLE 53 สปอร์ตเอสยูวีของคุณชายสายโหด เดินวัดรอยเท้าของ E 53 และ CLS 53 บนตัวถังเอสยูวีไซส์กลางโมเดล GLE การนำเสนอเครื่องยนต์ 3.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จแบบแถวเรียงหกสูบ ที่ให้กำลัง 435 แรงม้า กับแรงบิด 520 นิวตันเมตร (384 ปอนด์-ฟุต) Mercedes-AMG ยังผสมผสานระบบส่งกำลังเสริม รวมถึงการแยกระบบไฟหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ต่างๆ ของรถออกเป็นสองระบบ เพื่อทำให้การใช้พลังงานไฟฟ้าของอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความเสถียร EQ Boost ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะสำหรับเทอร์โบไฟฟ้าและระบบไฮบริดจิ๋ว Mild Hybrid 48 โวลต์ แพลตฟอร์ม Modular High Architecture (MHA) เฉพาะสำหรับยานยนต์ SUV แบรนด์ตราดาวที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน แชสซีแบบโมโนค็อกที่สร้างจากส่วนผสมของอะลูมิเนียมและเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง ระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่ที่ด้านหน้าและมัลติลิงก์ด้านหลัง โช้คอัพถุงลมระบบ Airmatic ปรับระดับความสูงได้สามระดับ
- ส่องดาวในดวงใจ MERCEDES-BENZ เตรียมโชว์โฉมรถรุ่นใหม่ ในงานมหกรรมยานยนต์ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2022
- ซิ่งแรงในสนามช้าง Mercedes-Benz Driving Events 2022


เช่นเดียวกับสปอร์ตซาลูนสายหล่ออย่าง CLS 53 4Matic + ระบบไฮบริดเสริม 48 โวลต์ มีจุดเด่นหลายประการ มันให้พลังงานแก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของรถ ทำหน้าที่เป็นทั้งมอเตอร์สตาร์ตและไดชาร์จ ช่วยให้สามารถตัดการเชื่อมต่อจากชุดเกียร์ขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ส่งพลังงานให้กับคอมแอร์ไฟฟ้าเมื่อ Auto Start/Stop ทำงาน รวมถึงการเพิ่มกำลังอีก 21 แรงม้า กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร (184 ปอนด์-ฟุต) เทอร์โบไฟฟ้า ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการกำจัดอาการเทอร์โบแล็กในรอบต่ำ Mercedes-AMG แจงตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ของ AMG GLE 53 ในเวลาเพียง 5.3 วินาที เร็วกว่า GLE 43 หนึ่งวินาทีเต็ม (อย่าลืมน้ำหนักรถที่ 2.3 ตัน) มันไม่ได้เร็วไปกว่า BMW X5 xDerive 45e แต่ฟีลลิ่งนั้น เหนือชั้นกว่าเอสยูวีตราใบพัดในด้านความดุดันและความโหด!



GLE 53 เป็นหนึ่งใน AMG SUV ที่ใหญ่และมีน้ำหนักเยอะ มวลทั้งหมดของมันมีตัวเลขอยู่ที่ 2,373 กิโลกรัม ซึ่งเท่ากับ Range Rover เครื่องยนต์ V8 เลยทีเดียว ขุมกำลังหกสูบเรียงเทอร์โบคู่ เหยียบคันเร่งแต่ละทีดึงกันหน้าหงายหลังติดเบาะ อัตราเร่งที่มาพร้อมแรงดึงอันเหมาะสม การพุ่งออกตัวอย่างรวดเร็วจากสัญญาณไฟ ด้วยพลังแรงบิดรอบต่ำที่แทบจะไม่มีอาการรอรอบ ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะพอใจกับแรงบิดที่ให้มาอย่างเพียงพอ สำหรับคนที่ชอบเดินทางไกลบนไฮเวย์ หรือลัดเลาะไปตามเส้นทางชนบท รวมถึงขับเรื่อยๆ ในย่านความเร็วต่ำเมื่อใช้งานในเมือง มันทำหน้าที่บนถนนเกือบทุกรูปแบบได้ดี แต่ไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับ Q8 60TFSIe ในด้านการทรงตัวและพลังแรงถีบส่งจากจุดออกตัว



มีเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไม BMW จึงเลือกใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง โดยลงมือพัฒนาสายพันธ์ุของเครื่องยนต์หกกระบอกสูบมาเป็นเวลานานมากแล้ว และ BMW ก็ยังคงทำเช่นนั้นต่อไปอีกหลายปี คุณจะเห็นขุมกำลังหกสูบเรียงได้ใน BMW รหัส M40i (B58B30) สำหรับเครื่องหกสูบเทอร์โบของ Mercedes-AMG มีการปรับตั้งเพื่อส่งถ่ายแรงบิดด้วยความนุ่มนวล โดยเนื้อแท้แล้ว M256 เป็นเครื่องยนต์ที่ส่งกำลังอย่างขยันขันแข็ง มันหมุนได้อย่างอิสระจนถึงรอบสูงสุดอย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนในทุกจุดของย่านพาวเวอร์แบนด์และแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องเทอร์โบแลค (อาการรอรอบ) เครื่องยนต์หกสูบเรียงเทอร์โบของ Mercedes -AMG ทำให้ GLE 53 พุ่งทะยานอย่างเร่าร้อน ในจังหวะที่คุณต้องการจะไปให้เร็วขึ้น อาการเทอร์โบแล็กแทบไม่ปรากฏ แต่มันเป็นเอสยูวีคันโตที่ต้องการพื้นที่ในการเบ่งบานพลังงาน การจุดระเบิดและเผาไหม้กลายเป็นเสียงที่เร้าใจผ่านท่อระบายท้ายทั้งสี่ท่อ จุดที่ทำออกมาได้ดี นอกจากการเร่งความเร็วก็คือ ระบบสตาร์ต/สต็อปที่เชื่อมต่อเครื่องยนต์ระหว่างการติดและดับนั้น ทำงานได้อย่างไหลลื่นและมีความนุ่มนวลในจังหวะดับแล้วสตาร์ตจนแทบไม่รู้สึก




ระบบไฮบริด 48 โวลต์ พร้อมกับกันสะเทือน Airmatic แบบถุงลมที่มุมทั้งสี่พร้อมกลไกไฟฟ้าในการปรับตั้งค่าการตอบสนอง เหล็กกันโคลงแบบแอคทีฟที่ช่วยลดอาการโคลงตัว (ควรใช้โหมดสปอร์ต) โรเตอร์หรือจานเบรกหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC + ปรับแต่งพิเศษ รองรับการส่งกำลังไปยังเพลาหน้า-หลัง ล้อขนาด 21 นิ้ว ล้อหลังยัดยางเส้นเขื่องขนาด 315/40ZR21 แต่ถึงแม้จะมีการเพิ่มเติมไดนามิกอย่างเต็มข้อ GLE 53 ก็ไม่ใช่รถสปอร์ตตัวเตี้ย มันคือ SUV พันธุ์แท้ที่สืบทอดเอกลักษณ์มาจาก GLK ด้วยเรือนร่างที่ใหญ่โต และสัดส่วนความสูงสไตล์เอสยูวี (ที่ปรับให้เตี้ยลงได้บ้างแต่ไม่มากนัก) คุณไม่สามารถเข้าโค้งแบบเดียวกับที่เคยทำใน AMG GT R หรือแม้แต่ CLS 53 แต่ GLE 53 สามารถไหลผ่านการจราจรที่คับคั่งได้อย่างหมดจด ด้วยการควบคุมที่ให้ความรู้สึกถึงพลังและความคล่องแคล่วว่องไวของชุดบังคับเลี้ยว



ชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้าอัตราทดน้ำหนักแปรผันไปตามโหมดขับเคลื่อนและสปีดความเร็ว พวงมาลัยหมุนได้อย่างหมดจดและเที่ยงตรงต่อการขยับของล้อหน้า ทำให้ง่ายต่อการเล็งไปยังทิศทางที่คุณต้องการ แม้รถจะมีมวลมากก็ตาม เมื่อปรับการทำงานของระบบกันสะเทือนไปที่โหมด Sport โช้คถุงลมจะปรับตัวเองให้ตอบสนองได้แข็งขึ้น หนักแน่นมากยิ่งขึ้น ลดความสูงลงอีกเล็กน้อย เพื่อการทรงตัวที่ดีเมื่อเปลี่ยนทิศทางเร็วๆ พร้อมกับน้ำหนักพวงมาลัยที่เพิ่มเข้ามาจนรู้สึกตึงข้อมือ ระบบ Airmatic ไม่เปราะอย่างที่คาดไว้ เนื่องจากแก้มยางไซส์ใหญ่ไม่ได้เตี้ยติดพื้น แก้มยางที่สูงพอสมควรใช้งานได้ดีมากสำหรับการวิ่งเรื่อยๆ ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือรับส่งลูกไปโรงเรียน ให้ความสะดวกสบายเมื่อขับผ่านผิวถนนที่ขรุขระ ในเมื่อความสบายของลูกค้าคือจุดขายของ Mercedes ยุคใหม่ เรื่องดังกล่าวยังคงมีความสำคัญสูงสุดต่อแนวคิดในการพัฒนาและปรุงแต่งยานยนต์ตราดาว การตั้งค่าโหมด Sport+ ทำให้โช้คถุงลมแข็งขึ้น สอดรับกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นขณะใช้โหมดสูงสุดผลักดัน GLE 53 ไปยังขอบเขตต้องห้ามในเรื่องสปีดความเร็ว ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมยังดูดซับผิวถนนที่มีหลุมบ่อเล็กๆ ได้ดี ด้วยการผ่อนสั้นผ่อนยาวของโช้คอัพถุงลม



GLE 53 เหมือนรถสปอร์ตที่ส่งเสียงระเบิดปะทุของท่อระบายท้ายเมื่อเปลี่ยนเกียร์ขึ้น หรือเมื่อวิ่งแบบใช้รอบสูงต่อเนื่อง เสียงโหยหวนที่คมชัดของเครื่องยนต์หกสูบนั้นทำให้รู้สึกประทับใจและน่าจะดังมากกว่านี้อีกนิด เป็นเสียงที่เครื่อง V6 ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เสียงเครื่องยนต์ครางในรอบสูง ภายใต้การเร่งความเร็วนั้นให้ความบันเทิงเริงรมย์กับคนขับอย่างเต็มที่ และมีระดับเสียงที่สูงกว่า X5 xDrive 45e ที่ใช้เครื่องยนต์หกสูบเรียงเหมือนกัน โดยภาพรวม AMG และ BMW M เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของเครื่องยนต์สันดาปภายใน ด้วยโทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ คือดีทั้งคู่อยู่ที่คุณว่าจะชอบ B58 B30 หรือ M256



เครื่องยนต์เบนซินจากการปรับแต่งของแผนกมอเตอร์สปอร์ต AMG ที่ประจำการอยู่ในรถสปอร์ตรหัส 53 เป็นแบบแถวเรียง 6 กระบอกสูบ รหัส M256 อัดอากาศด้วยเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ เป็นเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ตราดาว ระบบ EQ Boost ใช้ไดสตาร์ตทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตด้วย ISG มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลัง 16 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร โดยวางแทรกอยู่ในชุดเกียร์ 9G-Tronic คอยเสริมแรงและรับหน้าที่ส่งกำลังไฟฟ้าไปหมุนปั๊มน้ำกับคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้สายพานหน้าเครื่องยนต์อีกต่อไป ช่วยลดกำลังที่สูญเสียไปกับแรงเสียดทาน ช่วยทำให้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงของ AMG มีขนาดที่สั้นลง เมื่อทำงานร่วมแกนกับระบบไฮบริดจิ๋วขนาด 48 โวลต์ E-Compressor หรือที่ Mercedes เรียกว่า EQ Boost ช่วยลดอาการรอรอบ หรือเทอร์โบแลคได้ดี เมื่อกดคันเร่งเต็มที่ แรงบิดสูงสุดจะมาเร็วมากในเวลาแค่ 0.2 วินาที ตั้งแต่ยังไม่ถึง 2,000 รอบต่อนาที แรงบิดก็เทออกมาจนเกือบหมดแล้ว



การป้องกันอาการเทอร์โบแลคหรืออาการรอรอบนั้น Mercedes-Benz ร่วมมือพัฒนากับค่าย Audi และ Bentley เพื่อปรับปรุงระบบ E-Compressor (EQ Boost) ถูกใช้เพื่อลดอาการรอรอบในเครื่องยนต์เบนซิน โดยทำงานร่วมกับ ISG ตัว eZV ประกบอยู่กับเทอร์โบที่ต่อเข้ากับท่อไอเสีย มันสามารถเร่งรอบการทำงานได้ถึง 70,000 รอบต่อนาที ในเวลาเพียงแค่ 0.3 วินาที ช่วยเพิ่มบูสต์ให้กับเครื่องยนต์ในย่าน 1,000-3,000 รอบต่อนาที โดยไม่มีข้อจำกัดในด้านของรอบเครื่องยนต์และโหลด


M256 บล็อกอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีพิเศษ ผนังกระบอกสูบถูกกลึงอย่างประณีตและมีการพ่นสารเคลือบนาโนสไลด์เพื่อปรับให้มีแรงเสียดทานต่ำ การเคลือบ Nanoslide ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Mercedes-Benz สร้างพื้นผิวที่มีรูพรุนของผนังกระบอกสูบ ช่วยลดความเสียดทานเมื่อเทียบกับผนังกระบอกสูบที่เป็นเหล็กหล่อแบบเดิม ระยะห่างกระบอกสูบ- 90 มิลลิเมตร เครื่องยนต์มีเพลาข้อเหวี่ยงทำจากเหล็กหล่อและก้านสูบที่แข็งแกร่ง ระยะห่างระหว่างศูนย์กลางของกระบอกสูบ 90 มิลลเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่สม่ำเสมอสำหรับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ ลูกสูบติดตั้งวงแหวนแบบพิเศษพร้อมท่อระบายความร้อนด้วยน้ำมัน ซึ่งช่วยลดอุณหภูมิขณะเคลื่อนที่

หัวกระบอกสูบสำหรับเครื่องยนต์ M256 ผลิตจากโลหะผสมอะลูมิเนียม-ซิลิกอน วาล์วไอดีสองตัวและวาล์วไอเสียสองตัวต่อหนึ่งสูบ เป็นครั้งแรกที่ Mercedes-AMG ใช้วาล์วไอเสียแบบกลวง ระบายความร้อนด้วยโซเดียม วาล์วถูกกระตุ้นโดยเพลาลูกเบี้ยวสองอัน เพลาลูกเบี้ยวไอดีและไอเสียขับเคลื่อนด้วยโซ่ไทม์มิ่งติดตั้งอยู่ด้านล้อมู่เล่ ผ่านเฟืองขับเพลาลูกเบี้ยว โซ่ไทม์มิ่งยังขับเคลื่อนปั๊มเชื้อเพลิงแรงดันสูงและปั๊มน้ำมันหล่อลื่น หัวเทียนในเครื่องยนต์ M256 ติดตั้งหัวเทียนเกลียว M10 เพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น ในส่วนหัว M256 ยังติดตั้ง variable engine timing (for the intake and exhaust valves) แบบแปรผัน (สำหรับวาล์วไอดีและไอเสีย) และวาล์วปรับระดับที่ด้านไอดี (Mercedes-Benz CAMTRONIC) ช่วงการปรับตั้งของเพลาลูกเบี้ยวไอดีถูกเพิ่มเป็น 70 องศาที่ข้อเหวี่ยง เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ที่ทันสมัยที่สุด M256 มาพร้อมกับระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงแรงดันสูงพร้อมหัวฉีดเพียโซที่มีความแม่นยำสูง



M256 มีระบบสตาร์ตเตอร์-อัลเทอร์เนเตอร์ (ISG) ที่ติดตั้งระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์อัตโนมัติ ต่อเชื่อมกับระบบไฟฟ้าออนบอร์ด 48V ISG ยึดติดกับเพลาข้อเหวี่ยงอย่างแน่นหนา และแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างเพลาขับกับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน 48V ที่มีปริมาณพลังงานเกือบ 1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระบบไฟฟ้า 48V จ่ายไฟให้กับปั๊มน้ำไฟฟ้าและคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ ระบบอัดอากาศเป็นคุณสมบัติหลักของเครื่องยนต์ M256 เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ twin-scroll turbocharger พร้อมท่อร่วมไอเสียที่หุ้มฉนวน คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเพิ่มเติม (eZV) ที่รวมอยู่ในระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ คอมเพรสเซอร์เสริมไฟฟ้า ขจัดเอฟเฟกต์ของอาการเทอร์โบแล็ก ครีบเทอร์ไบน์สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 70,000 รอบต่อนาที ภายใน 300 มิลลิวินาที เป็นเทอร์โบไฟฟ้าที่มีศักยภาพสูง

M256 ใน AMG GLE 53 ใช้ฝาสูบแบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 วาล์วต่อสูบ = 24 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 83.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 กำลังสูงสุดมากถึง 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร หรือ 52.98 กิโลกรัม/เมตร ในย่าน 1,800-5,800 รอบต่อนาที ระบบ EQ Boost Assist ทำงานร่วมกับ EQ Boost Starter Generator กำลัง 16 กิโลวัตต์ หรือ 22 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร หรือ 25.45 กิโลกรัม/เมตร



แบตฯ ลิเทียมไอออนความจุ 48V เสริมอัตราเร่งด้วยการป้อนพลังงานไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ที่ฝังอยู่ในเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G-Tronic ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ all-wheel drive ชุดกระจายแรงบิด fully variable torque distribution เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ ทวินเทอร์โบหรือเทอร์โบคู่พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ตัวนี้ สร้างกำลังได้มากถึง 320 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร สมรรถนะของ CLS 53 AMG เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยCO2 200 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร CLS 53 Coupe 4MATIC + คือการผสมผสานการออกแบบที่เน้นบรรยากาศของรถสปอร์ตกับไดนามิกของการควบคุมในสไตล์ของแบรนด์ตราดาว บนแนวทางการปรุงแต่งจากสำนัก AMG จุดเด่นของเครื่องยนต์เบนซินแบบใหม่ขนาด 3.0 ลิตร คือ ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์และคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้า EQ Boost Assist



GLE 53 แตกต่างจาก CLS 53 ตรงที่มีกระจังหน้าแบบระแนงแนวตั้ง Panamericana และดูดุดันกว่าเอสยูวีรุ่นอื่นๆ ของ AMG เนื่องจากมีตราดาวสีเงินขนาดใหญ่ ลักษณะที่ตะแกรงยื่นออกมาราวกับปลาใหญ่กำลังจะกลืนเหยื่อ งานดีไซน์เสริมขอบด้านบนตัวถังที่หนาและบึกบึนของ GLE เส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ของโมเดลคล้ายกับ GLS ไฟหน้าระบบอัตโนมัติ Multibeam LED ทำหน้าที่ให้ความกระจ่างเมื่อขับบนถนนที่ปราศจากแสงไฟ กำลังส่องสว่างไกลกว่า 550-600 เมตร Multibeam LED ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อขับในตอนกลางคืน เป็นระบบส่องสว่างที่มีประสิทธิภาพสูงมาก





หากมีเหตุผลในการอัพเกรดจาก GLE350de ไปเป็น AMG GLE 53 ก็คือ ความสวยงามดุดันและพลังที่มากกว่า กระจังหน้าขนาดใหญ่ ทรงสะดุดตาเข้ากับสปอยเลอร์หน้าแบบเฉพาะของ AMG ช่องดักอากาศใหญ่ขึ้น การออกแบบลวดลายของล้อที่ไม่เหมือนใคร กันชนหลังที่ปรับสไตล์ใหม่หมด พร้อมท่อไอเสียสี่ท่อที่ทำด้วยโครเมียมรมดำกับครีบรีดอากาศใต้กันชนหลัง ฝาท้ายไฟฟ้าช่วยอำนวยความสะดวกกับพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีขนาดความกว้างพอๆกับตู้เสื้อผ้าใบย่อมๆ เลยทีเดียว ถ้ายังเก็บของชิ้นใหญ่ไม่พอก็ขอเชิญพับเบาะหลังได้เลย






งานตกแต่งภายในสไตล์รถผู้ใหญ่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ใช้งานพวกจอภาพและปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบแยกโซน ภายในของ AMG GLE 53 ยังคงมีมนต์ขลังสำหรับคนที่ชอบรถเอสยูวีเสมอ สำหรับ GLE 53 4MATIC+ จัดงานตกแต่งภายในที่เน้นความหรูหราเหมือนเดิม เพิ่มเติมก็คือการเปลี่ยนพวงมาลัย AMG พร้อมปุ่มปรับโหมดแบบใหม่ที่ไฮเทคและสั่งงานได้เร็วขึ้นเพราะติดตั้งอยู่ใต้ก้านวงทั้งสองฝั่ง รวมถึงแผงควบคุมที่เปลี่ยนเป็น MBUX แบบใหม่ล่าสุด สั่งงานด้วยเสียงหรือใช้นิ้วแตะแป้นสัมผัสที่อยู่ถัดไปจากคอนโซลกลาง (บริเวณเดียวกับซุ้มเกียร์ในอดีต) วัสดุและโทนสีภายใน สร้างบรรยากาศให้มีความเป็นรถสปอร์ตควบคู่ไปกับความหรูหราน่าใช้งาน ด้วยสไตล์เอสยูวีของ AMG สะท้อนรูปทรงแข็งแกร่งจากภายนอกสู่งานดีไซน์ภายใน




สำหรับการแสดงผลโดยรวม ยังคงใช้จอภาพขนาดใหญ่แบบสองจอภาพเชื่อมติดกัน (จอภาพมาตรวัดและจอภาพแสดงข้อมูลส่วนกลาง) การออกแบบที่โค้งมนของแดชบอร์ดคอนโซล จากด้านหน้าไปที่ประตูด้านหลังและเปิดออกที่เสา B จุดเด่นของงานตกแต่งภายใน นอกจากพวงมาลัยสามก้านแบบใหม่ที่สวยงาม ดูเข้ากับภายในของรถมากกว่าเดิม เบาะสปอร์ตของ AMG และแผงแดชบอร์ด ช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยม ล้อมกรอบด้วยวัสดุสีเงินที่คล้ายอัลลอย ยิ่งทำให้มันน่าใช้งานมากขึ้นไปอีก ภายใน ปรับเปลี่ยนโทนสีได้ถึง 64 สี จากฟังก์ชันการปรับตั้งสีสันของหลอดไฟตกแต่ง LED ที่หลากหลาย เบาะหลังแบบสามที่นั่ง ทำให้มันเป็นรถห้าที่นั่ง เมื่อต้องการขนสัมภาระ เบาะหลังมีการออกแบบให้พับราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่






คอนโซลกลางตกแต่งด้วยงานคาร์บอนไฟเบอร์ แดชบอร์ดและแผงประตูประดับประดาด้วยงานอะลูมิเนียมสีเงินพร้อมตำแหน่งของกรวยลำโพงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดสลับซับซ้อนและสง่างาม เข็มขัดนิรภัยสีแดงของ AMG เบาะครึ่งหนังเดินเส้นด้วยหนังกลับ Alcantara ตำแหน่งท่านั่งจัดวางมาดีมาก โดยเฉพาะตำแหน่งคนขับซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการใช้อุปกรณ์ด้วยแดชบอร์ดที่กว้างขวาง ทัศนวิสัยและเส้นสายตาที่ยอดเยี่ยม เบาะนั่งแบบนวดได้ และที่เท้าแขนแบบปรับความร้อนได้ ทุกพื้นผิว จุดสัมผัส หน้าปัด และคันโยกให้ความรู้สึกพรีเมียม อบอวล และคู่ควรกับป้ายราคาดาวสีเงิน การตกแต่งภายในยังคงเป็นภาพยนตร์เต็มรูปแบบพร้อมอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลมากมาย หน้าจอคู่ขนาด 12.3 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและติดตั้งเป็นแผงหน้าปัดแบบจอภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นได้จากรถเบนซ์รุ่นใหม่ๆ เป็นจอที่มีความคมชัดสูงและดูสมจริง






จอภาพมาตรวัดและจอภาพของระบบแสดงผลมัลติมีเดียขนาดความยาว 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว ทำให้มาตรวัดและจอภาพมอนิเตอร์กลางมีขนาดที่ยาวเอาเรื่อง ความคมชัดของจอภาพมาตรวัด TFT (thin film transistor) instrument cluster กับจอแสดงผลกลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัสติดตั้งระบบ MBUX แบบใหม่ล่าสุด ติดตั้งฟังก์ชันการใช้งานเสริมอีกเพียบ พร้อมกราฟิกการแสดงผลที่มีความคมชัด โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนมาตรวัดที่มีการแสดงผลอย่างหลากหลายเต็มไปด้วยรายละเอียดที่มากกว่าเดิม ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambience lighting เป็นหลอดไฟ LED ปรับเฉดสีได้ 64 สี ช่วยสร้างบรรยากาศภายในเมื่อขับตอนกลางคืน โดยสามารถปรับสีสันได้ตามใจชอบ ปรุงแต่งบรรยากาศการขับขี่ตอนกลางคืนด้วยหลอด LED ที่เปลี่ยนสีได้ตามการปรับตั้ง ช่องระบายความร้อน พร้อมโมดูลสื่อสารและเชื่อมต่อ communication module with LTE / Mercedes me connect services




AMG GLE 53 4MATIC+ มีงานตกแต่งภายในที่แตกต่างในด้านของรายละเอียด วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในของรถรุ่นนี้ถูกเน้นหนักไปด้านอารมณ์พร้อมกับความหรูหราในสไตล์ของแบรนด์ตราดาว เบาะ AMG ปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ แผงคาร์บอนไฟเบอร์และงานอัลลอยสีเงินยวงประดับประดาอยู่บนแดชบอร์ด พวงมาลัย AMG ทรงสามก้านหุ้มด้วยหนังสองแบบมีรอบวงที่อวบอ้วนจับได้กระชับมือดีมาก แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการเอาชนะคู่แข่ง เครื่องเสียง Burmester High-End 3D Surround-Sound system ติดตั้งลำโพง 13 ตำแหน่ง กำลังขับ 590 วัตต์ ให้เสียงเพลงที่เล่นผ่าน USB / iPod/ bluetooth มีความคมชัดสมจริงและเต็มไปด้วยมิติของเสียงเบส เสียงกลางและความจัดจ้านของเสียงแหลมเป็นชุดเครื่องเสียง Burmester ที่ทำกรวยลำโพงได้สวยงามสมราคาค่าตัว 5.9 ล้าน




GLE 53 เพิ่มหนังและหนังกลับเป็นพิเศษทั่วทั้งห้องโดยสาร พวงมาลัยเฉพาะของ AMG พร้อมสมรรถนะที่ฝังอยู่ในระบบอินโฟเทนเมนต์ MBUX ใหม่ จับคู่กับแทร็กแพดแบบ Apple แทนปุ่มหมุนและปุ่มตัวเลขที่หมุนออก ผู้ใช้สามารถแตะ เลื่อน จีบนิ้ว และเลื่อน เหมือนกับอินพุตที่สั่งการสมาร์ทโฟนของคุณ และแม้ว่าปุ่มหมุนแบบหมุนจะเป็นวิธีที่เราชอบในการควบคุมอินเทอร์เฟซ (แต่ก็ยังเป็นเช่นนั้น) แทร็กแพดใหม่นี้ใช้งานง่ายพอที่จะใช้งานได้ทันที ผมชอบ iDrive ของ BMW ที่มีแถวของปุ่มทางลัดที่ตั้งโปรแกรมได้แปดปุ่ม แต่การเรียนรู้ MBUX ใหม่ และเมนูวางในแนวนอนพร้อมปุ่มขนาดใหญ่ มันคล้ายกับอินเทอร์เฟซของ Lexus ที่ใช้แทร็กแพดเช่นกัน แต่ MBUX นั้นซับซ้อนน้อยกว่า หน้าจอไม่โอเวอร์โหลด และระดับความไวในการป้อนข้อมูลนั้นลื่นไหลและสม่ำเสมอกว่า




1-Silppley
โหมดขับเคลื่อนบนผิวถนนที่เปียกลื่น เน้นการขับขี่แบบค่อยเป็นค่อยไปที่ช่วยให้การควบคุมทิศทางขณะฝนตกหรือผิวถนนเปียกแฉะ โดยลดการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า ระบบส่งกำลังจะดันอัตราทดขึ้นสู่เกียร์สูงเพื่อลดแรงบิดแบบฉับพลันทันทีที่อาจก่อให้เกิดอาการลื่นไถล
2- Sand
โหมดขับเคลื่อนบนทรายที่ควรเพิ่มความระมัดระวังก่อนจะเอารถลงไปลุย เพราะแม้แต่ Raptor ก็ยังติดหากเจอสภาพทรายที่ร่วนซุย เนื่องจากพื้นที่ที่มีทราย จะมีหลายลักษณะ ทรายชุ่มน้ำหมาดๆ บริเวณชายทะเลนั้นพอได้ แต่ถ้าเป็นหล่มทรายลึกร่วนซุย อาจพบกับปัญหาล้อจมหล่มทรายได้
3-Trail
“Trail” เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนบนพื้นโคลน หรือพื้นผิวที่ลื่นอย่าง “ทราย” ระบบปรับปรุงการยึดเกาะและความสามารถในการบังคับเลี้ยวสำหรับการขับขึ้นลงเนินทราย
4-COMFORT
โหมดมาตรฐานเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ทุกครั้ง เจ้า CLS จะเข้าสู่โหมดนี้ COMFORT ออกแบบมาเพื่อการควบคุมและการตอบสนองด้วยค่าที่เป็นกลาง ใช้ขับทั้งในและนอกเมืองได้ดี คันเร่งไวกว่าโหมด Silppley แต่ยังเน้นความประหยัดสำหรับการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน คันเร่งจะหน่วงลดลงจาก Silppley แต่ไม่ไวเท่า Sport ช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL+ แบบแอร์สปริงจะปรับให้โช้คอัพถุงลมมีความนิ่มนวลสำหรับการขับปกติ
5-SPORT
พวงมาลัยตั้งรับการขับที่เร็วขึ้นด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างกระชับรัดกุม คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองได้เร็วขึ้น เกียร์ 9G-Tronic คาอยู่เกียร์ 3-4-5 เพื่อเรียกแรงบิดนานเป็นพิเศษ AMG RIDE CONTROL+ จะปรับระดับความสูงให้ลดต่ำลง ปรับให้โช้คถุงลมแข็งขึ้นมาอีกนิดเพื่อทำให้ช่วงล่างสอดรับกับการขับเร็ว
6-SPORT+
คันเร่งไฟฟ้ายังคงตอบสนองได้เร็วเหมือนกับ Sport Mode เกียร์คาให้ลากรอบในตำแหน่งเกียร์ 4-5 หรือชิปเกียร์ลงเองอย่างเร็วเมื่อใช้เบรกหนักๆ บางจังหวะเกียร์เชนลงต่ำให้ถึง 2 เกียร์ ระบบรองรับ AMG RIDE CONTROL+ โดยเฉพาะโช้คถุงลมแบบ Air Suspension ปรับตัวเองให้ระดับความสูงเตี้ยลง การทำงานของแอร์สปริงจะอัดลมเข้าระบบจนทำให้แข็งขึ้น เพื่อการขับที่ต้องการการตอบสนองในระดับสูงสุดของทุกระบบ รองรับการขับด้วยความเร็วสูงทั้งบนถนนปกติและในสนามแข่ง
7-INDIVIDUAL
เลือกปรับการตอบสนองแบบแยกย่อยของระบบต่างๆ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัย และระบบรองรับหรือช่วงล่างได้ตามต้องการในรูปแบบของตัวเอง ผลักดัน AMG GLE 53 ให้เข้าสู่โหมดสูงสุด มอบการขับขี่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น โปรแกรมจัดการกับระบบขับเคลื่อนและช่วงล่างที่มีความซับซ้อน ซึ่งจะทำให้สามารถจัดการกับถนนที่แคบและการขับเร็วขึ้นได้อย่างน่าประทับใจ



เห็นได้ชัดว่านี่คือเอสยูวีคันโตที่มีพลังงานเหลือเฟือ Mercedes -AMG ปรับแต่งช่วงล่างให้ทำหน้าที่รองรับและส่งถ่ายความนิ่มนวล ทำงานผสมผสานกับระบบขับเคลื่อน เพื่อให้ Body ของรถ เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและรู้สึกสงบเมื่อเดิน แบรนด์ตราดาวมักจะเน้นความสะดวกสบายควบคู่ไปกับสมรรถนะ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความมั่นใจและความยำเกรงอย่างน่าประหลาดใจ มันมีไดนามิกที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา รวดเร็วและสร้างความมั่นใจในการขับบนถนนที่ท้าทาย ระบบควบคุมการทรงตัวและแชสซีทำให้ประสบการณ์การขับนั้นแตกต่างออกไปจาก BMW X5 xDrive 45e ระบบช่วยทรงตัวแบบอิเล็กทรอนิกส์และแชสซีทำงานได้ดี ในการจัดการกับมวลและแรงเฉื่อย



Mercedes’ Driving Assistance เพิ่มฟังก์ชันกึ่งอัตโนมัติเพื่อช่วยเหลือคนขับ เมื่อมีการใช้งานอยู่ รถแทบจะไม่ต้องป้อนข้อมูลจากคนขับเพื่อให้เดินทางต่อไปได้อย่างปลอดภัยบนมอเตอร์เวย์ เพียงแค่ใช้มือถ่วงน้ำหนักไว้บนพวงมาลัย ระบบช่วยจำกัดความเร็ว ระบบช่วยบังคับเลี้ยวแบบแอคทีฟ ระบบช่วยจุดบอดแบบแอคทีฟ และระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้ของ Distronic ช่วยให้ไม่เพียงควบคุมความเร็วของตัวเองเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้การจำกัดความเร็วที่ประกาศไว้โดยอัตโนมัติ และดึงเข้าสู่เลนแซงโดยอัตโนมัติเมื่อมีการกำหนด มันปลอดภัยที่จะทำเช่นนั้น สมบูรณ์แบบก็คือวิธีที่ระบบทำงานร่วมกันจนคุณเริ่มสงสัยว่าเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่หรือไม่ หรือเป็นการเชิญชวนให้ผู้ขับขี่ปิดเครื่อง



ในเมือง GLE 53 มีการใช้พลังงานที่นุ่มนวล ทำให้การปรับน้ำหนักค่อนข้างสมเหตุสมผล คนส่วนใหญ่เลือก 53 ที่พลังและรูปลักษณ์ สถานะความเป็น AMG ความสวยงามดุดันโดยรวม และรูปลักษณ์บนท้องถนนที่แตกต่างไปจากรุ่นมาตรฐาน แม้ว่าจะไม่ใช่ทางเลือกที่สมเหตุสมผล แต่ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ X5 xDrive 45e ต่อสู้อย่างแข็งแกร่งด้วยเครื่องยนต์หกสูบเรียงเทอร์โบพ่วงปลั๊กอินไฮบริด ที่เร็วและทรงพลัง เช่นเดียวกับ Audi Q8 60 TFSIe ที่เพรียวบางและเรียบง่ายแต่แรงดีดตัวจากจุดหยุดนิ่งสร้างแรงG ได้น้องๆ ซุปเปอร์คาร์ แต่สิ่งที่ GLE 53 ได้เปรียบนั้นไม่ได้อยู่ที่ประสิทธิภาพ แต่มาจากกองทัพเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ คุณภาพการขับขี่ที่ดี ความลื่นไหลของเกียร์ 9 G และระบบไฮบริด 48 โวลต์ กับซาวนด์แทร็ก AMG ที่เร้าใจ มันไม่ได้ชนะคู่แข่งด้วยความเร็ว แต่มันเหนือกว่าด้วยสไตล์และความจงรักภักดีต่อแบรนด์ AMG



คุณสมบัติด้านไดนามิกที่หลากหลายของ Mercedes-AMG GLE 53 ทำให้เป็นรถ SUV สมัยใหม่ที่หรูหราและมีความอเนกประสงค์ กว้างขวางและถูกขัดเกลามาเป็นอย่างดี ถ้าไม่ระเบิดพลังงานต่อเนื่อง AMG GLE 53 ให้ความสบายและสงบขณะขับเคลื่อน พร้อมเทคโนโลยีที่ซับซ้อน แต่ง่ายต่อการขับ และปรับเปลี่ยนไดนามิกได้อย่างหลากหลายจากโหมดขับเคลื่อน แน่นอนว่ามันเป็นเอสยูวีที่เร็ว มีความปลอดภัย เกาะถนนแนบแน่น และว่องไวมากพอ เป็นผลจากการปรับแต่งและจัดการกับระบบขับเคลื่อน ช่วงล่าง ชุดบังคับเลี้ยว GLE 53 สร้างแรงบันดาลใจและจินตนาการในการขับเคลื่อนไม่ได้มากเท่ากับ AMG GT R แต่ใช้งานในชีวิตจริงได้เหนือกว่าอย่างแน่นอน.
รายละเอียดด้านเทคนิค Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+
เครื่องยนต์ เบนซินแบบแถวเรียง / 6 สูบ พร้อมเทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี.) 2,999
แรงม้าสูงสุด 320 กิโลวัตต์ 435 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,100 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร 520 ที่ 1,800 – 5,800 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0 – 100 กม. / ชม. 5.3 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 250 กม. / ชม.
ความจุถังน้ำมัน 85 ลิตร
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission
ขนาดล้อและยาง – หน้า 275 / 45 R 21
ขนาดล้อและยาง – หลัง 315 / 40 R 21
มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) (มิลลิเมตร) 2015 x 4937 x 1782
โหมดการขับขี่ ปรับเปลี่ยนได้ 7 รูปแบบ
Slippery
Comfort
Sport
Sport+
Individual
Trail
Sand
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://thaihotnews.info/