
เกือบสองทศวรรษในฐานะแชมป์ยอดขายในตลาดรถกระบะขนาดกลางที่อเมริกาเหนือ ล่าสุด Toyota Tacoma รุ่นใหม่ ประจำปี 2024 พร้อมแล้วสำหรับบริบทต่อไปในการทำตัวเป็นยานพาหนะที่สมบุกสมบัน นี่คือกระบะพี่โตที่ขายในอเมริกา มันไปได้ทุกที่ และมีคนไทยจำนวนมากอยากให้ Hilux มีหน้าตาแบบนี้ รถรุ่นใหม่สำหรับปี 2024 เน้นการขับผจญภัยเต็มรูปแบบเป็นหลัก มีการยกระดับและปรับปรุงในทุกแง่มุม เพื่อทำให้เป็นรถปิกอัพที่แข็งแกร่งสำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา พร้อมกับคุณภาพระดับตำนานของ Toyota ด้วยความทนทาน ความน่าเชื่อถือ และบริการหลังการขาย


SPONSORED
Toyota Tacoma 2024 ออกแบบใหม่หมดทั้งคัน และสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มรถกระบะ TNGA-F ที่ใช้ร่วมกับ Tundra และ Sequoia สำหรับเจเนอเรชันที่สี่ กับ แชสซีโครงบันไดที่มีความแข็งแรงสูง เพิ่มคุณสมบัติอุปกรณ์ตกแต่งที่สายออฟโรดสามารถนำไปเล่นต่อยอดได้อีกเพียบ ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบคอยล์สปริง มัลติลิงก์ ออกแบบใหม่ทั้งหมด ปรับปรุงการขับขี่และการควบคุม ระบบส่งกำลังสี่สูบเทอร์โบชาร์จที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ รวมถึงเครื่องยนต์ไฮบริด i-FORCE MAX ของ Tacoma รุ่นท็อปสุด ที่ผลิตกำลังได้ 326 แรงม้า แรงบิด 630 นิวตันเมตร (465 ปอนด์-ฟุต) ในรุ่นเทรลฮันเตอร์ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในงาน SEMA ปี 2022 ในฐานะรถต้นแบบเทรลฮันเตอร์ ซึ่งเป็นรถกระบะรุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของสายลุย
Tacoma 2024 โฉมใหม่ จะวางจำหน่ายในปลายปีนี้ ส่วนรุ่น i-FORCE MAX จะวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2024 สำหรับราคา Toyota จะประกาศในช่วงใกล้กับวันที่วางจำหน่าย



ศูนย์ออกแบบ CALTY ในอเมริกาเหนือของ Toyota ตั้งอยู่ที่นิวพอร์ตบีช แคลิฟอร์เนีย และแอนอาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน รับงานในการดีไซน์ Tacoma รุ่นใหม่ เช่นเดียวกับที่เคยออกแบบ Tundra และ Sequoia
เควิน ฮันเตอร์ ประธาน CALTY Design Research กล่าวว่า “เป้าหมายหลักในการออกแบบ Tacoma รุ่นใหม่ คือ ต้องเป็นไปตามแนวทางที่ลูกค้าใช้งาน เพื่อความสนุกกลางแจ้งแบบสมบุกสมบัน Toyota มองไปที่ DNA ของรถกระบะและรถบรรทุกที่ลงทำการแข่งขันในรายการ Baja เพื่อถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยแบบออฟโร้ด ตัวถังยกสูง ยางขนาดใหญ่ รูปทรงเพรียวบาง และท่าทางแบบรถลุยที่ทรงพลัง การกำหนดรูปลักษณ์ของ Tacoma ใหม่ ถูกเรียกว่า ‘Tacoma-ness’”

SPONSORED



SPONSORED
นักออกแบบของ CALTY มุ่งไปที่ธีม “Badass Adventure Machine” หมายถึงความทนทานทางวิศวกรรมของ Tacoma ควบคู่ไปกับทัศนคติด้านมอเตอร์สปอร์ต สำหรับ Tacoma ตัวถังที่แคบและกระจังหน้าด้านบนที่กว้าง ถือเป็นการยกย่องให้กับ HiLux รุ่นดั้งเดิม พร้อมคุณสมบัติของการลุย เช่น รูปแบบของแผ่นกันกระแทกที่ดุดัน แสดงถึงความแข็งแกร่งของ Tacoma องค์ประกอบการออกแบบที่เป็นซิกเนเจอร์อื่นๆ ได้แก่ ไฟหน้าแบบติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง ช่องดักอากาศด้านข้าง กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม สปอยเลอร์หลังคาและฝาท้ายที่ปรับปรุงใหม่ การวิจัยและพัฒนาทางวิศวกรรมที่ศูนย์เทคนิคของ Toyota ในมิชิแกน แอริโซนา และแคลิฟอร์เนีย เพื่อพัฒนา Tacoma เจนเนอเรชั่นล่าสุด ให้เป็นรถเอนกประสงค์ที่มีความสามารถสูง มันต้อง ขับไปได้ทุกที่ และมีการปรับปรุงในทุกรุ่นที่ออกขาย ทีมงานได้ปรับปรุงความสามารถการขับบนทางออฟโรดของ Tacoma ตั้งแต่การไต่หินที่รุนแรง ไปจนถึงการแข่งรถความเร็วสูงในทะเลทราย ทดสอบในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ทั้งบนถนนและเส้นทางออฟโรด ตั้งแต่การเที่ยวกลางคืนสุดหรูในรุ่น Limited หรือการท่องเที่ยวบนเส้นทางวิบาก ใน Tacoma TRD Off-Road ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

SPONSORED

Tacoma ใหม่ใช้แพลตฟอร์ม TNGA-F ของ Toyota ร่วมกับ Tundra และ Sequoia โครงสร้างหลักและแชสซี ใช้เหล็กกล้าความแข็งแรงสูง พร้อมการเชื่อมแบบเว้นช่องด้วยเลเซอร์เช่นเดียวกับกระบะรุ่นฟูลไซส์ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ใช้อะลูมิเนียมที่ส่วนบนเพื่อลดน้ำหนัก คานขวางของเฟรมออกแบบให้แข็งแรงขึ้นเพื่อเพิ่มความทนทาน และรองรับอุปกรณ์ของ Toyota เช่น เต็นท์บนหลังคาและตู้เย็นสำหรับตั้งแคมป์ นอกจากนี้ หลังคายังติดตั้งรูยึดในตัวที่ช่วยให้สามารถเพิ่มราวแร็คหลังคาในทุกรุ่นได้ ตัวซีลช่องหลังคาเพื่อให้แน่ใจว่าซีลกันน้ำ ช่วงล่างเพิ่มความแข็งแกร่ง ในขณะที่เพิ่มอินพุตของการบังคับเลี้ยว และการควบคุมไดนามิก แจ็คพ้อยต์ยกสูงใหม่ รวมเข้ากับส่วนท้ายของเฟรมด้านหลัง


การปรับปรุงลักษณะการขับและการควบคุมของ Tacoma ผ่านระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบมัลติลิงค์ที่ออกใหม่ ระบบนี้ แทนที่แหนบของรุ่นก่อนหน้า ด้วยชุดคอยล์สปริง สำหรับกันสะเทือนแบบแหนบ ยังคงเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่น SR, SR5 XtraCab และ TRD PreRunner Tacoma ติดตั้งดิสก์เบรกสี่ล้อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเบรก ในขณะที่รุ่น TRD และรุ่นที่สูงกว่านั้น มาพร้อมกับแพ็คเกจเบรกหน้าที่ใหญ่ขึ้น รุ่น TRD วางเครื่องยนต์ไฮบริด i-FORCE MAX เพิ่มแพ็คเกจเบรกหลังที่ใหญ่ขึ้น เบรกมือแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมความเร็วคงที่ด้วยเรดาร์ และฟังก์ชันล็อคเบรก แรคพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่ให้ความรู้สึกในการบังคับเลี้ยวที่ดีขึ้นด้วยประสิทธิภาพของพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า!


Tacoma มีระบบกันกระเทือนที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละเกรดโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น TRD Sport มีโช้กอัพ TRD sport-tuned สีแดง ที่ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น เกรด TRD Off-Road ติดตั้งโช้ค Bilstein แบบโมโนทิวบ เพื่อขยายระยะของล้อและการกระจายความร้อนที่มากขึ้น วาล์วควบคุมแรงดันน้ำมัน (ESCV) ให้แรงหน่วงเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูงบนเส้นทางออฟโรด TRD Pro มาพร้อมกับโช้คอัพพร้อมกลไกของวาว์ลบายพาสภายในแบบปรับได้สามระดับ โฃ้คอัพ QS3 รุ่นใหม่ของ FOX ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านออฟโรดเมื่อใช้ความเร็วสูง โช้คหลัง FOX Internal Floating Piston (IFP) ปรับปรุงการรับแรงกระแทกได้ดีขึ้น รุ่นเทรลฮันเตอร์ประกอบด้วยระบบกันสะเทือน Old Man Emu (OME) 4×4 โดย ARB ปรับแต่งเพื่อการควบคุมแบบออฟโรดที่เหมาะสม ความสามารถในการบรรทุกสัมภาระ รุ่นลิมิเต็ด มีระบบ Adaptive Variable Suspension (AVS) ใหม่ ที่ปรับแรงหน่วงอย่างต่อเนื่องตามสภาพถนนที่เปลี่ยนไป ระบบ AVS ชนิดลิเนียร์โซลินอยด์ มีแอคชูเอเตอร์ในตัวที่โช้คอัพหน้าและหลัง เพื่อเปลี่ยนแรงหน่วงอย่างต่อเนื่องตามสภาพถนน เพื่อให้ Tacoma ใหม่มีการขับขี่ที่นุ่มนวล



ความสามารถในการลากจูงสูงสุดสำหรับ Tacoma อยู่ที่ 3 ตัน นั่นหมายถึงการลากพ่วงรถบ้านคันเล็กๆ พ่วงเทรลเลอร์เรือตกปลา หรือลากจูงน้ำหนักพ่วง 6,500 ปอนด์ Tacoma รุ่น SR5 i-FORCE / TRD Off-Road และ TRD PreRunner XtraCab ถูกปรับปรุงให้มีน้ำหนักบรรทุกสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 775 กิโลกรัม เพื่อช่วยให้การลากจูงของหนักๆ เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น Tacoma ใหม่ มีตัวควบคุมระบบเบรกของรถพ่วง (เทรลเลอร์) แ ละกล้องแสดงผลแบบดิจิทัล คำแนะนำการกลับรถเทรลเลอร์ ช่วยในการบังคับทิศทางโดยรวมของรถพ่วง ระบบควบคุมรถพ่วงเทรลเลอร์ ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณถอยหลังเป็นเส้นตรง กล้อง 360 องศา จะสร้างมุมมองจากบนลงล่าง เพื่อช่วยในการมองเห็น รวมถึงบริเวณที่มองเห็นยากรอบๆ รถและรถพ่วง กล้องมองภาพทำงานร่วมกับตัวควบคุมเบรกรถพ่วงแบบบูรณาการของ Toyota ระบบตรวจสอบจุดบอดได้รับการออกแบบมาให้จดจำจุดบอดของรถ ทำให้การลากจูงเทรลเลอร์ง่ายขึ้นมาก

Toyota Tacoma ใหม่ มีพื้นที่กระบะท้ายเพิ่มขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการบรรทุกอุปกรณ์ที่จำเป็น ภายใต้ฝาครอบกระบะ ฝาท้ายอะลูมิเนียม มีฟังก์ชันเปิดและปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการติดขัด ปุ่มปลดเร็วและปิดล็อก จะรวมอยู่ในไฟท้ายทั้งสองข้าง มีเต้าเสียบอินเวอร์เตอร์ AC 400W ที่กระบะท้ายและที่ด้านหลังของคอนโซลกลาง Tacoma รุ่น i-FORCE MAX มาพร้อมกับอินเวอร์เตอร์ AC 2400W เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน การเข้าถึงไฟฟ้า 12V DC เพื่อใช้งานสำหรับแคมปิ้ง รุ่น เทรลฮันเตอร์ มีเครื่องอัดอากาศ สำหรับการเป่าลมยางที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ให้กลับมามีลมเต็มอย่างรวดเร็ว

Tacoma มีเครื่องยนต์สองแบบให้เลือก เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จ สำหรับ Tacoma SR ระดับเริ่มต้น เครื่องยนต์นี้ให้กำลัง 228 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร สำหรับรุ่นที่แพงกว่า กำลังของเครื่องยนต์จะถูกจูนเพิ่มขึ้นเป็น 278 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติแปดสปีดรุ่นใหม่ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบอัจฉริยะ (ECT-i) กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (iMT2) พร้อมไฟแจ้งเตือนการเปลี่ยนเกียร์และเทคโนโลยีป้องกันเครื่องยนต์ดับ รุ่นเกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เทอร์โบ มีกำลัง 270 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร

ระบบส่งกำลังไฮบริด i-FORCE MAX ของ Tacoma ซึ่งเป็นระบบส่งกำลังที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Tacoma รุ่น TRD Sport, TRD Off-Road, Limited และรุ่นมาตรฐาน TRD Pro กับ Trailhunter เครื่องยนต์ไฮบริด i-FORCE MAX ขนาด 2.4 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้า 48 แรงม้า ที่ผสานเข้ากับเกียร์ 8 สปีด ชุดแบตเตอรี่ NiMH ขนาด 1.87 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้กำลังรวมของทั้งสองระบบที่ 326 แรงม้า แรงบิด 630 นิวตันเมตร แรงบิดเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ทำให้การเดินทางไกลใน Tacoma มีกำลังในการเร่งแซงเหลือเฟือ
Tacomas รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มีเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิปอัตโนมัติ (Auto LSD) ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ มี transfer case สองระดับความเร็ว (Low-High) ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ กับ Active Traction Control (A-TRAC) เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบอัตโนมัติ (Auto LSD) เฟืองท้ายล็อคแบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Tacoma TRD PreRunner, TRD Off-Road, TRD Pro และ Trailhunter

Tacoma มีมุมเข้า 33.8 องศา จุดหักมุม 23.5 องศา และมุมจาก 25.7 องศาในรุ่น TRD Pro ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 280 มิลลิเมตร ด้วยกล้องที่มีอยู่ถึง 4 ตัว ใน Tacoma รุ่น TRD Off-Road, TRD Pro และ Trailhunter ผู้ขับสามารถดูสิ่งกีดขวางบนเส้นทาง ผ่าน Multi-Terrain Monitor ที่แสดงผลอย่างคมชัดบนหน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว Tacoma ยังมีตะขอเกี่ยวด้านหน้าแบบมาตรฐานและด้านหลังที่เป็นอุปกรณ์เสริม กับระบบป้องกันใต้ท้องรถ





สวิชท์ Multi-Terrain Select ใช้งานได้ทั้งแบบ 4WD-High และ 4WD-Low ให้การตั้งค่าที่ปรับได้ เพื่อช่วยควบคุมการหมุนของล้อ บนภูมิประเทศที่หลากหลาย เช่น โคลน ดิน และทราย Tacoma ฟังก์ชัน CRAWL Control ที่เงียบขึ้น ทำหน้าที่เป็นระบบควบคุมความเร็วต่ำแบบครูซคอนโทรลบนเส้นทางออฟโรด ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิกับการบังคับเลี้ยวหรือควบคุมทิศทางของรถ ระบบรักษาระดับความเร็วที่เลือกได้ 1 ใน 5 ระดับ เมื่อการยึดเกาะถนนมีข้อจำกัดอย่างมาก เฟืองท้ายแบบล็อกที่สั่งงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถแบ่งกำลัง 50/50 ไปยังล้อทั้งสี่ ระบบช่วยควบคุมการลงทางลาดชัน ช่วยให้ผู้ขับนำรถลงมาจากทางชัน โดยมีการจำกัดความเร็วของรถ Tacomas รุ่นเกียร์แมนนวลจะยกเลิกการสตาร์ทคลัตช์ หมายความว่าผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบคลัตช์เมื่อเผชิญกับการขับขี่แบบออฟโรดที่ท้าทายเมื่อออกตัวบนทางลาดชัน

เพื่อทำให้ Tacoma Trailhunter มีศักยภาพสูงสุดในการขับเคลื่อนออฟโรด Toyota ได้ทำงานร่วมกับ ARB ในออสเตรเลีย เพื่อร่วมพัฒนา โช๊คอัพโมโนทิวบ Old Man Emu (OME) ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ไวต่อการทำงาน Old Man Emu พร้อม จุดคืนตัวด้านหลังที่แข็งแกร่ง วิศวกรของ ARB ร่วมกับทีมพัฒนา เพื่อร่วมกันปรับตั้งช่วงล่างของ Tacoma Trailhunter ด้วยรถรุ่น Double Cab ชั้นแรค ARB รองรับอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น เต็นท์บนหลังคา


ระบบกันสะเทือนของ OME กับยาง Goodyear Territory R/T ขนาด 33 นิ้ว ช่วยเสริมให้ Tacoma Trailhunter มีความสูงเพิ่มขึ้นอีก 2 นิ้ว ที่ด้านหน้า และ 1 นิ้วครึ่งที่ด้านหลัง ปลายท่อไอเสียที่มีระยะห่างสูง พร้อมกับช่องดักอากาศทรงสูงที่ติดตั้ง บนเสา A ฝั่งผู้โดยสาร เพื่อจ่ายอากาศที่สะอาดขึ้นไปยังเครื่องยนต์ i-FORCE MAX










กระจังหน้าสีบรอนซ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกทางวัฒนธรรมของ TOYOTA พร้อมแถบไฟ LED ขนาด 20 นิ้วในตัว เสริมด้วยไฟตัดหมอก LED RIGID สลับสีขาว/เหลือง ไฟส่องสว่างของ Trailhunter เป็นแบบสามเหลี่ยมเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงจุดด่างดำ และไฟข้างกระบะช่วยให้พื้นที่รอบรถสว่างขึ้น สำหรับการตั้งแคมป์ในเวลากลางคืน ช่องจ่ายไฟอินเวอร์เตอร์ AC 2400W สามารถใช้ทั้ง 12V และ USB เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ARB Fridge Freezer อุปกรณ์เสริมแบบมีสาย พร้อมสวิตช์สลับเสริมสามตัวบนแดชบอร์ด

Tacoma TRD Pro ยกระดับคุณสมบัติการลุยทะเลทราย แขนควบคุมส่วนบน TRD ด้านหน้าอลูมิเนียมสีแดง ช่วยปรับรูปทรงด้านหน้าให้เหมาะสม ลดน้ำหนักใต้สปริง ในขณะที่โช๊ค Quick Switch 3 (QS3) แบบแมนนวลบายพาสของ Fox สามารถปรับการตั้งค่าได้สามแบบ ผ่านปุ่มหมุนบนตัวโช๊ค เพื่อปรับการลดแรงกดอัด FOX Internal Floating Piston (IFP) ติดตั้งในระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ใหม่ สามารถช่วยลดหรือซับแรงกระแทกจากภูมิประเทศที่น่ากลัวที่สุดบางแห่งได้

TRD Pro สูงขึ้น 2 นิ้วที่ด้านหน้า และ 1 นิ้วครึ่งที่ด้านหลัง กว้างกว่า Tacoma SR5 ถึง 3 นิ้ว ล้อ TRD สีดำแบบ Flow-form หุ้มด้วยยาง Goodyear Territory R/T ขนาด 33 นิ้ว เครื่องยนต์ i-FORCE MAX ของ TRD Pro หายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยช่องดักอากาศ TRD และท่อไอเสียแบบปลายคู่ TRD cat-back แถบไฟ LED ทำงานร่วมกับไฟหน้า LED เพื่อปรับรูปแบบลำแสงให้เหมาะสม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้แสงที่สมดุล ชุดไฟตัดหมอก LED สีขาว RIGID ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในสภาพอากาศเลวร้าย TRD Pro ติดตั้งกันชนหลังโลหะ ARB พร้อมตะขอเกี่ยวสีแดง และแผ่นกันกระแทกด้านหน้าอลูมิเนียม TRD



ใน TRD Pro มีอุปกรณ์ใหม่ คือ เบาะนั่ง IsoDynamic Performance Seat รุ่นแรกที่ช่วยมอบการขับขี่ที่นุ่มนวล ทำให้ระยะการมองเห็นของผู้ขับขี่คงที่เพื่อปรับปรุงการโฟกัส ความสะดวกสบาย และลดความเมื่อยล้าขณะอยู่บนเส้นทางที่ขรุขระ เบาะนั่ง IsoDynamic Performance ใช้ระบบโช้คอัพแบบอากาศ ช่วยให้สามารถเคลื่อนเบาะในแนวดิ่งและด้านข้างพร้อมกันเพื่อลดการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้ศีรษะและคอมั่นคง เพื่อให้เป็นแนวเดียวกับกระดูกสันหลัง เอฟเฟ็กต์การลดแรงกระแทกนี้ สามารถปรับได้ตามมวลของร่างกายและความชอบของผู้โดยสาร

Tacoma ใหม่ ใช้เทคโนโลยีล่าสุด หน้าจอข้อมูลซึ่งนำการอัปเดตที่สำคัญมาสู่ห้องโดยสาร หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดีย ขนาด 8 นิ้ว หรือ 14 นิ้ว เชื่อมต่อ Audio Multimedia เวอร์ชันล่าสุดของ Toyota ซึ่งเปิดตัวในรถกระบะรุ่น Tundra ในปี 2022 ออกแบบและวางระบบโดยทีมงาน Connected Technologies ของ Toyota ในเท็กซัส รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ แบบไร้สาย แท่นชาร์จไร้สาย Qi พร้อมเอาต์พุตพลังงานที่เพิ่มขึ้น ช่อง USB-C และพอร์ตชาร์จอยู่ที่ด้านขวาของจอแสดงผล พอร์ตชาร์จ USB-C คู่ รวมอยู่ในแถวหน้าและมีให้สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง มาตรวัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว มีสี่สไตล์แตกต่างกัน สำหรับรุ่นที่สูงกว่า ในขณะที่จอภาพมาตรวัดขนาด 7 นิ้ว สำหรับ Tacoma รุ่นรอง

ระบบกุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ท เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อใช้งานร่วมกันได้ โดยอนุญาตให้เข้ารถ เข้าถึงประตูท้ายรถ และสตาร์ทรถ (ขึ้นอยู่กับเครือข่าย 4G) กุญแจดิจิทัล สามารถแชร์จากระยะไกลกับผู้อื่น เพื่อให้ควบคุมการเข้าถึงได้มากขึ้น แทนที่จะให้กุญแจจริงแก่ผู้อื่น นอกจากนี้ยังมีสมาร์ทการ์ดคีย์ เป็นสมาร์ทคีย์ขนาดเท่าบัตรเครดิตที่ช่วยให้ผู้ขับพกพากุญแจสมาร์ทคีย์ติดตัวไปได้ทุกที่และสะดวก

Tacoma ใช้ลำโพง JBL® ระดับพรีเมียม 10 ตัว รวมถึงซับวูฟเฟอร์คู่ภายนอกใหม่เพื่อเอาต์พุตที่ดีขึ้น และลำโพงพกพา JBL® FLEX เมื่อต่อเข้ากับแผงหน้าปัด JBL® FLEX จะชาร์จและทำงานเป็นลำโพงแชนเนลกลาง เมื่อถอดออก ลำโพงบลูทูธแบบพกพา JBL® FLEX สามารถทำงานได้นานถึง 6 ชั่วโมง จับคู่กับลำโพงพกพา Toyota JBL® FLEX รุ่นอื่นๆ และสามารถจมอยู่ในน้ำได้สูงสุด 3 ฟุต
Toyota Safety Sense 3.0
Tacoma รุ่นปี 2024 ทุกรุ่นมาพร้อมกับระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 ระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายของ Toyota การปรับปรุง TSS ใหม่ สำหรับ Tacoma จากเซ็นเซอร์ของระบบที่มีความสามารถในการตรวจจับ ดีขึ้น ประกอบด้วย:
Pre-Collision System with Pedestrian Detection
Lane Departure Alert with Steering Assist
Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control
Lane Tracing Assist
Road Sign Assist
Automatic High Beams
Proactive Driving Assist
Proactive Driving Assist เป็นระบบใหม่ใน Toyota Safety Sense ใช้กล้องและเรดาร์ของรถ ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีการเบรกอย่างนุ่มนวลเมื่อเข้าทางโค้ง หรือการเบรกอย่างนุ่มนวล และการบังคับเลี้ยว เพื่อช่วยสนับสนุนการขับขี่ เช่น การควบคุมระยะห่างระหว่างรถคันหน้า คนเดินถนน หรือคนขี่จักรยาน Proactive Driving Assist ไม่ได้ใช้แทนระบบป้องกันการชนล่วงหน้าและทำงานในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
Pre-Collision พร้อมการตรวจจับคนเดินถนน ปรับปรุงความสามารถในการตรวจจับด้วยเซนเซอร์ระบบใหม่ พร้อมความสามารถในการตรวจจับที่ดีขึ้นในบางสถานการณ์ นอกจากการตรวจจับคนเดินถนนและคนขี่จักรยานแล้ว ระบบนี้ยังมีความสามารถในการตรวจจับคนขี่มอเตอร์ไซค์อีกด้วย
Lane Departure Alert ระบบช่วยบังคับเลี้ยวและการจดจำเลนที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งรวมถึงการตรวจจับวัตถุ 3 มิติบางอย่าง เช่น ราวกั้น ที่อาจใช้เพื่อช่วยกำหนดเลน
Dynamic Radar Cruise Control มีความสามารถแบบ Full-Speed Range และเพิ่มการตั้งค่าระยะทางเป็นลำดับที่สี่จากที่เคยมีอยู่สามแบบ การตรวจจับยานพาหนะที่ได้รับการปรับปรุงช่วยให้สามารถตรวจจับยานพาหนะได้มากกว่าหนึ่งคัน รวมถึงยานพาหนะในเลนที่อยู่ติดกัน ช่วยให้ระบบสามารถปรับความเร็วได้อย่างนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ขับขี่เปลี่ยนเลน
Lane Tracing Assist เป็นระบบใหม่สำหรับ Tacoma ต้องเปิดใช้ Dynamic Radar Cruise Control เพื่อให้ทำงานได้ ระบบต้องการเครื่องหมายเลนที่สามารถตรวจจับได้เพื่อให้ทำงานได้ เช่นเดียวกับการแจ้งเตือนการออกนอกเลน การจดจำเลนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่า TSS รุ่นก่อนๆ นอกจากการจัดเลนกลางแล้ว ระบบนี้ยังช่วยให้มีช่องว่างระหว่างรถที่วิ่งผ่านในเลนติดกันมากขึ้นอีกด้วย ทำงานโดยชดเชยเส้นทางการขับขี่ของรถด้วยการปรับพวงมาลัยเล็กน้อยในขณะที่รักษารถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ
ระบบหยุดรถฉุกเฉินเป็นฟังก์ชันใหม่ของ Lane Tracing Assist ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจสอบการตอบสนองของคนขับ เช่น การควบคุมพวงมาลัย เพื่อพิจารณาว่าคนขับไม่ตั้งใจหรือไม่ตอบสนอง เช่น ในกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์ ระบบออกแบบมาเพื่อให้รถหยุดนิ่งหากคนขับไม่ตอบสนองต่อการเตือนให้เข้าควบคุม
Road Sign Assist ออกแบบมาเพื่อตรวจจับป้ายจำกัดความเร็ว ป้ายหยุด ป้ายห้ามเข้า ป้ายให้รถ และป้ายเตือนบางประเภท และแสดงไอคอนของป้ายบนจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ (MID)
ระบบตรวจสอบจุดบอด (BSM) ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจจับและเตือน เมื่อมีรถเข้าใกล้ หรืออยู่ในเลนที่อยู่ติดกัน
Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ตรวจจับยานพาหนะที่กำลังเข้ามาจากด้านใดด้านหนึ่งขณะถอยหลัง และแจ้งเตือนด้วยการเตือนด้วยภาพและเสียง
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน.
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://thaihotnews.info/